นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งสนามใหม่ ที่คนไทยทั้งประเทศจะได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพรรคที่ชอบ เลือกคนที่ใช่อีกครั้ง โดยโอกาสนี้ “พรรคไทยก้าวใหม่” มาพร้อมกับแม่ทัพที่มากด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญซึ่งพร้อมพัฒนาประเทศไทยให้รุ่งเรืองพร้อมกันทั้งองคาพยพ ตั้งแต่มิติด้านพลังงานและนวัตกรรม, มิติด้านการศึกษา, มิติด้านเศรษฐกิจ และ มิติด้านความมั่นคง
“นายภาณุรัช ดำรงไทย” ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ ด้านพลังงานและนวัตกรรม พรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวว่า พลังงานของถูกและดีมี แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยมาผิดทาง เพราะโดยประสบการณ์ที่ทำงานในบริษัทพลังงานของต่างประเทศมา 20 กว่าปี ประเทศไทยต้องปรับเรื่องการบริหารต้นทุนพลังงานให้ถูกลงในทุกๆด้าน
“สมาร์ทซิตี้ เราสามารถทำกรุงเทพฯให้เย็นเฉียบได้ และ ทำพลังงานได้เร็ว อย่างที่สิงคโปร์ก็ทำ ยุโรปก็ทำ หน้าหนาวของยุโรปเขาก็นำฮีทเตอร์มาทำความร้อน ถ้าเย็นเขาก็เปลี่ยนร้อนมาเป็นเย็น ทำแล้วยังไง อย่างเดอะ วัน แบงคอก เขาใช้ความเย็นของศูนย์การค้า เขาไม่ได้ใช้ความเย็นแยก ความเย็นมันไปตามคน แอร์เครื่องเดียวส่งไป 2 ตึก คุ้มไหม เพราะมีการทำระบบความเย็นขึ้น รวมทั้งเรื่อง 70%คาร์บอนจะเอาอะไรมาแทน” นายภาณุรัช กล่าว
“นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา” รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ซึ่งดูแลด้านการศึกษา กล่าวว่า พรรคไทยก้าวใหม่ ให้ความสำคัญเรื่อง “ทุนมนุษย์” (Human Capital) ซึ่งเราแบ่งคนไทยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ คนอนาคต ซึ่งหมายถึงคนที่กำลังศึกษาอยู่ และ คนปัจจุบัน คือ คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว หรือ กำลังอยู่ในเส้นทางการประกอบอาชีพ ซึ่งพรรคไทยก้าวใหม่วันนี้ เราต้องพัฒนาพรรคทั้งหมด ไม่ใช่แค่พัฒนาคนในอนาคต เพราะวันนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก ความรู้เก่าเร็วขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่พัฒนาคนไทย วันนี้ก็เกิดปัญหาเศรษฐกิจล้มละลาย
“การศึกษาในไทยต้องทำให้เกิดการเข้าถึงความปลอดภัย และความสุข ณ วันนี้ การศึกษาบ้านเรา ไม่มีความสุข และ ไม่เป็นปัจจุบัน” นายวราวิช กล่าว
ขณะที่ “ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยก้าวใหม่” กล่าวถึง นโยบายเศรษฐกิจ โดยใช้หัวหอก 5 พลัส (5 Plus) ได้แก่
1.ยุทธศาสตร์การลงทุนระดับชาติ เช่น การจัดตั้ง “เอฟดีไอ ทีม ไทยแลนด์” (FDI Team Thailand) เพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ, การตั้ง “เอไอ ดาต้า เซ็นเตอร์ ฮับ ออฟ อาเซียน” (AI Data Center Hub of Asean” เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเอไอ ดาต้า เซ็นเตอร์ และ เอสเอ็มอี สตาร์ท อัพ (SMEs Start up) แสนล้านบาท ปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการไทย,
2.กองทุนประชาชน 20,000 บาท เพื่อแก้ปัญหาประชาชนกว่า 10 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อ และ ก่อให้เกิดหนี้นอกระบบมหาศาลถึง 2.2 ล้านล้านบาท
3.นโยบายสู้หนี้ เราเคลียร์ให้ โดยเน้นช่วยเหลือการลดภาระหนี้ให้ประชาชนที่มีหนี้ไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมี 14-16 ล้านคน
4.นโยบายผ่อนดี เราลดให้ ซึ่งพบว่ามีลูกหนี้มากกว่า 10
ล้านบัญชีทั่วประเทศที่มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี
5.นโยบาย 70 ปี ยกหนี้ให้ โดยมีตัวเลขพบว่า ผู้สูงอายุเกิด 70 ปี ในประเทศไทย มีจำนวนถึง 6.2 ล้านคน และ มีผู้สูงอายุถึง 2.65 ล้านคนที่ยังมีภาระหนี้สิน
ส่วน “นายณวัฒน์ บูรณะกนก” ซึ่งดูแลด้านความมั่นคง พรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวถึงนโยบายด้านความมั่นคงว่า ควรมีการแก้ไขเรื่องสวัสดิการและความมั่นคงของทหารก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อทำให้บุคลากรของกองทัพมีความมั่นอย่างภาคภูมิใจให้ตนเองและครอบครัว
“เดิมคัดเลือกทหาร 21 ปี เราจะขยายเป็น 24 ปี เพื่อให้เยาวชนได้เรียนเต็มที่ ซึ่งคุณสมบัติการเกณฑ์ทหารต้องมีการแก้ไข และ การเป็นพลอาสาสมัคร ต้องเปิดรับผู้หญิงได้ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างผู้ชายและผู้หญิง เราจะเพิ่มเงินเดือนจาก 11,000 บาท เป็น 14,000 บาท และ เข้าสู่สวัสดิการที่ดี ในการกู้เงินของสหกรณ์ได้ตั้งแต่ระดับพลทหาร รวมทั้งการทำสัญญา 4 ปี จากเดิม 1 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้ามารับราชการทหาร และ เราจะให้พลทหารอาสาสมัครลาไปเรียนระหว่างวันรับราชการได้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยที่ถูกปิดกั้นในชีวิต” นายณวัฒน์ กล่าว
นายณวัฒน์ทิ้งท้ายว่า ปัญหาไทยและกัมพูชายังไม่จบ ทั้งที่ไทยมีกำลังพลมากกว่า มีงบประมาณมากกว่า แต่ทำไมเราถึงแก้ไขปัญหาไม่ได้ ซึ่งกองทัพกัมพูชามีกำลังพลไม่ถึง 200,000 นาย ขณะที่กองทัพไทยมีกำลังพลกว่า 400,000 นาย แต่บางคนกลับบอกว่ากำลังรบของทั้ง 2 ประเทศเท่ากัน มันจะเท่ากันได้อย่างไร เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสให้พรรคไทยก้าวใหม่ พัฒนากองทัพบก โดยยกเลิกการเกณฑ์ทหารสู่พลทหาร เพื่อก้าวสู่การเป็นสมาร์ท อาร์มมี่ (Smart Army) อย่างแท้จริง
ปัจจุบันพรรคไทยก้าวใหม่ให้ความสำคัญกับทั้ง 4 มิติ ตั้งแต่มิติพลังงานและนวัตกรรมใหม่ , การศึกษา, เศรษฐกิจ และ ความมั่นคง เพื่อผลักดันสู่การเป็นพรรคการเมืองที่มากด้วยความสามารถในการนำประเทศไทยฝ่ามรสุมในทุกๆด้าน นับเป็นการฉีกประวัติศาสตร์การเมืองครั้งสำคัญในสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง


