โฆษกรัฐบาล เผยผลสำเร็จการประชุมหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้าน Online Scams นานาชาติชื่นชมไทย เดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์ข้ามชาติ
วันนี้ (18 ธันวาคม 2568) เวลา 15.26น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (International Conference on the Global Partnership against Online Scams) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับ UNODC ระหว่างวันที่ 17–18 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระดับโลกและยกระดับความร่วมมือในการรับมือ Online Scams ทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า การประชุมครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากนานาประเทศ เกินกว่าที่คาดหมาย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน จากกว่า 60 ประเทศ ครอบคลุมผู้แทนระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง องค์กรระหว่างประเทศ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักร่วมกันของประชาคมโลกต่อความรุนแรงและความซับซ้อนของอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามข้ามชาติที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
ในการประชุมวันที่ 17–18 ธันวาคม 2568 ที่ประชุมฯ ได้หารือแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การอำนวยความยุติธรรมภายใต้แนวทางยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ครอบคลุมกระบวนการสืบสวน ดำเนินคดี และการคุ้มครองผู้เสียหาย โดยมีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ FBI INTERPOL IOM และ UNODC ร่วมแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติ ควบคู่กับการอภิปรายเรื่องการจัดการเส้นทางการเงินและการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งภาคเอกชนด้านเทคโนโลยี เครือข่าย Global Anti-Scam Alliance (GASA) และสหภาพยุโรป ได้ร่วมหารือบทบาทเชิงปฏิบัติ พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับรอง "แถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ" โดยมีประเทศต่าง ๆ อาทิ เปรู บังกลาเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนปาล และภาคเอกชน เช่น TikTok ร่วมสนับสนุน เพื่อย้ำเจตนารมณ์ในการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลและพยานหลักฐาน การคุ้มครองผู้เสียหาย และการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการป้องกัน ตรวจจับ และลดการแพร่กระจายของการหลอกลวงออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การประชุมฯ ครั้งนี้ ยังได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ โดยชื่นชมต่อบทบาทเชิงรุกของประเทศไทยในการขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อต่อต้าน Online Scams โดยเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 พลเอก ดิเรก บงการ หัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ได้หารือกับนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ซึ่งนายหลิวได้แสดงความชื่นชมต่อความร่วมมือระหว่างไทย เมียนมา และจีน ในการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมหลอกลวงในพื้นที่เมืองเมียวดี ที่สามารถจับกุมและส่งกลับผู้ต้องหาชาวจีนกว่า 6,600 คน พร้อมยืนยันว่าความร่วมมือในลักษณะนี้เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาค
ฝ่ายจีนยังได้สะท้อนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝั่งเมียนมา ซึ่งปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ และร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยตรวจอาคารในพื้นที่ KK Park กว่า 400 แห่งแล้ว พร้อมขอความร่วมมือให้ไทยเพิ่มมาตรการสกัดกั้นกลุ่มผู้กระทำผิดที่พยายามใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน ทั้งตามช่องทางธรรมชาติและด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเก็บรวบรวมอุปกรณ์และวัตถุพยาน เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่และคอมพิวเตอร์ อย่างรอบคอบ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีและขยายผลเครือข่ายอาชญากรรม ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ทางการจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
การประชุมฯ ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งไม่เพียงแต่ในมิติของการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับ สถานการณ์จริงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ อีกด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ดำเนินการ ติดตามและปราบปราม scam center ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติทั้งในพื้นที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา โดยกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระบุว่าเป้าหมายบางส่วนที่ถูกทำให้เป็นกลางนั้นเคยถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งมีการนำแรงงานค้ามนุษย์มาใช้ในการกระทำผิด และมีการบังคับให้สวมบทบาทโน้มน้าวเหยื่อทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง ความจำเป็นของการรับมือทั้งในระดับปฏิบัติและระดับนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งการประชุมหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์ครั้งนี้ได้เปิดเวทีให้ผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ และยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการพัฒนากลไกตอบโต้เครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดนอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
การประชุมฯ ครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้การปราบปราม Online scams เป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองอย่างจริงจัง รัฐบาลจึงเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ทั้งการเสริมความเข้มแข็งการบังคับใช้กฎหมาย จัดตั้งหน่วยงานต่อต้านสแกมเมอร์เฉพาะทาง และยกระดับการประสานงานภายในประเทศ ควบคู่กับการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เคลื่อนย้ายข้อมูลและเงินได้อย่างรวดเร็ว และปรับตัวได้เหนือพรมแดน
“การที่ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ และมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ เกินความคาดหมาย สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางความร่วมมือระดับภูมิภาคในการต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำงานร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศและทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องประชาชนและสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างยั่งยืน” นายสิริพงศ์กล่าว


