ศาลรธน.ไม่รับคำร้อง "สามารถ" อดีตรองโฆษกพปชร.ขอวินิจฉัยศาลอาญาไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว เป็นการเลือกปฏิบัติกระทบสิทธิ ชี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลอื่น จึงไม่มีสิทธิ์ร้อง
วันนี้ (18ธ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ร้อง ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 โดยกล่าวอ้างว่า การกระทำของศาลอาญา ผู้ถูกร้อง ที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ร้อง โดยให้เหตุผลเพียงว่าคดีมีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ร้องจะหลบหนี และไม่แสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหรือข้อมูลเฉพาะเจาะจงหรือพฤติการณ์ที่ชัดเจน แสดงถึงความไม่เสมอภาคในการพิจารณา เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่ได้สัดส่วน กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลในกระบวนพิจารณาอันไม่เป็นธรรม ละเมิดสิทธิในชีวิต ร่างกาย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กระทบต่อสิทธิในการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29และมาตรา 55 โดยศาลฯ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบเป็นเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอื่นตามพพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสามารถถูกกล่าวหาตบทรัพย์ในคดี ดิไอคอน โดยปรากฏหลักฐานเป็นคลิปเสียงของนายสามารถ ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนายสามารถและมารดาในข้อหาฟอกเงินและสมคบการฟอกเงินจากคดีดิไอคอน และต่อมานายสามารถถูกควบคุมตัวที่จ.เชียงรายและนำส่งดีเอสไอดำเนินคดี


