'ยศชนัน' อาสาพร้อมแก้วิกฤตประเทศ ยกเครื่อง GDP วางรากฐานรายได้ พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ไทยรักไทยสู่เพื่อไทย เสนอแยกแห่งความหวัง เชื่อทุกอย่างเป็นไปได้
วันที่ 16 ธ.ค.นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้าย ว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งตนเกิดมาในครอบครัวที่ บ้านเป็นข้าราชการ ได้เดินทางไปทุกที่ตั้งแต่เชียงใหม่ พร้อมกล่าวติดตลกว่า ตนอู้กำเมืองได้ เชียงราย ลงใต้ไปพังงา และกลับมาที่ ระยอง ชลบุรี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ทําให้หลายคนมักถามว่าเป็นคนจังหวัดอะไร ซึ่งตนตอบไม่ได้ เพราะอยู่มาหมดทุกที่ แต่ขอตอบว่าเป็นคนไทย ซึ่งพ่อแม่มักจะสอนเสมอว่าเราโชคดีที่เกิดเป็นคนไทย เพราะสำหรับประเทศไทยทุกอย่างเป็นไปได้
นายยศชนัน ยังเล่าเรื่องราวให้รู้จักตัวตนว่า ในปี 2551 ตนเข้าบรรจุเป็นอาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเริ่มจากการเป็นรองคณบดีฝ่ายวิจัย ดูแลเรื่องการต่างประเทศ บัณฑิตศึกษา และการสื่อสารองค์กร ก่อนจะย้ายมาเป็นผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดูแลเกี่ยวกับสตาร์ทอัพ การเชื่อมโยง SMEs เข้ากับภาคอุตสาหกรรม ดูแลเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และตําแหน่งสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นรองคณบดี ดูแลเรื่องการวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งหมด และเป็นศาสตราจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์
สําหรับชีวิตการทํางานวิจัย สิ่งที่ภูมิใจที่สุด คือการสร้างอุปกรณ์เชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยเหลือคนพิการตั้งแต่ต้นคอลงมาที่ไม่สามารถขยับได้ขั้นรุนแรง ด้วยฝีมือคนไทย เพื่อให้คนพิการกลับมามีความหวัง ใช้ชีวิตด้วยตนเองได้อีกครั้ง
และเพื่อช่วยเหลือคนได้มากขึ้น ตนได้ตั้งคําถามกับตนเองว่า จะช่วยเหลือคนพิการ 4 ล้านคนในประเทศไทยให้สำเร็จอย่างไร และอะไรคือสาเหตุที่ทําให้คนเหล่านี้พิการ ซึ่งพบว่าสาเหตุหลักคืออุบัติเหตุบนท้องถนน จึงได้ทำสตาร์ทอัพตรวจจับการหลับในแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนได้นับล้าน
และอีกสิ่งที่เราทำ คือ การเข้าร่วมแข่งขันไซบอร์กโอลิมปิกส์ (Cyborg Olympics) ที่จัดขึ้นเพื่อผู้พิการ แม้จะไม่ได้รับรางวัล แต่ได้ความรู้และกําลังใจในการพัฒนาต่อไปข้างหน้า
และ 4 ปีต่อมา ในปี 2020 เราสามารถเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และได้เหรียญเงิน เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะมีเด็กไทยได้เหรียญทองจากการแข่งขันนี้แน่นอน
นายยศชนัน กล่าวว่า เรื่องราวของตนเป็นเรื่องราวของคนธรรมดา ที่เราคิดเสมอว่าสําหรับคนไทยทุกอย่างเป็นไปได้ แค่ขออย่างเดียวขอโอกาสและแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะในทุกภาวะวิกฤตจะมีคนไทยอาสาเข้ามาช่วยเสมอ ซึ่งในปี 2540 วิกฤตต้มยํากุ้ง ทุกคนหมดหวัง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งตั้งพรรคไทยรักไทยและปลดวิกฤตนี้ให้กับประเทศไทยได้ แม้หลังจากนั้นจะไม่ได้รับความยุติธรรมมากพอก็ตาม แต่ก็ไม่ปัญหา สิ่งที่ประเทศไทยกําลังเดินไปข้างหน้าเราสามารถทําต่อได้
และในปี 2568 ปัญหาเดิมๆ กลับเข้ามาอีกครั้ง ที่ผ่านมาเป็นแค่เศรษฐกิจไทยตกต่ำ แต่ทั่วโลกไม่มีปัญหา ครั้งนี้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ รวมถึงมีปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของเรา พยายามต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด ทั้งนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร,สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ที่พยายามแก้ไขปัญหา แต่ปัญหานั้นไม่ได้แก้ไขได้โดยง่าย ต้องใช้พื้นฐานในการแก้ไขปัญหา
"แต่การที่เราเปลี่ยนนายกฯ ปีละครั้ง และทำได้ขนาดนี้ต้องขอชื่นชม (น.ส.แพทองธาร ได้ยกมือขอบคุณ ) ปัจจุบันประเทศไทยยังโชคดี แม้ทุกคนอาจจะนึกว่าไม่มีทางที่ประเทศไทยจะกลับมาได้ แต่ผมจะใช้ชื่อว่าแยกแห่งความหวัง วันนี้ถ้าเรายังทําการเมืองแบบเดิม เราจะเลี้ยวไปด้านซ้ายเจอกับความมืดมิด ถ้าวันนี้เราเริ่มใหม่ปรับโครง ปรับโครงสร้างใหม่ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เทคโนโลยี บวกกับความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ และผมในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมจะอาสานําประเทศไทยหลุดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้"
นายยศชนัน ยังได้เสนอนโยบายในการวางรากฐานประเทศให้มีรายได้สูง ซึ่งจะต้องตั้งต้นจาก GDP ซึ่งการจะทําให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้จะต้องเทียบกับประเทศทั่วโลก โดยมีการอัปเกรดเครื่องยนต์ที่มีอยู่ใน 3 ส่วน คือ ภาคการเกษตร, ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคการบริการ เป็น 3 เสาหลักของ GDP โดยจะต้องเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน ซึ่งสามารถเริ่มได้ทันทีเมื่อพรรคเพื่อไทยเข้าเป็นรัฐบาล
รวมถึงต้องเตรียมคนเพื่อรองรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และที่สําคัญรัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่น สร้างความปลอดภัย ความมั่นคงทางการเมือง สิ่งแวดล้อม และทําสงครามป้องกันการคอร์รัปชันทุกรูปแบบให้เป็นวัฒนธรรมของประเทศไทย เพื่อสุดท้ายเราจะเห็นภาพ GDP ไปข้างหน้า ทำให้คนไทยทุกคนได้รับโอกาสการเติบโตที่เท่ากันไม่ว่าจะเกิดที่ไหนในผืนแผ่นดินไทย
นายยศชนัน ยังได้ยกคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นแรงบันดาลใจเสมอมา ว่า "อีก 4 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและ ปฏิรูปทุกรูปแบบ เพื่อนำประเทศไทยให้หลุดพ้นจากวิกฤต และวางรากฐานสําหรับอนาคตของลูกหลานของเรา ซึ่งผมจะไม่ยอมทําหน้าที่เป็นเพียงผู้นําทางกฎหมายเท่านั้น แต่ผมจะขอเป็นผู้นําที่นํามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศไทยที่ดีขึ้น พร้อมย้ำว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดสามารถทําได้ในอีก 4 ปีต่อมา ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงและเป็นประเทศที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยืนอยู่บนเวทีโลก
นายยศชนัน กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราทําไม่ได้เพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ทําเพื่อเปลี่ยนแปลงหัวใจของประชาชน ซึ่งการเดินทางครั้ง นี้ไม่ใช่การเดินทางของพรรคเพื่อไทย แต่เพื่อให้พวกเราได้กลับมาช่วยกันสร้างประเทศไทยของเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
"วันนี้พวกเราทุกคนจากพรรคไทยรักไทย พรรคที่อาจไม่ได้รับความยุติธรรม ทุกคนกลับมาที่บ้านของเรา บวกกับคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย เรากลับมารวมกัน ผมมั่นใจว่าเราทําได้ เริ่มจากวันนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ ยกเครื่องประเทศไทยเพื่อไทยทําได้ ถ้าเพื่อไทยทําได้ ประเทศไทยทําได้แน่นอน"


