"กกต." ทำ MOU ร่วมกับ "สจล."พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพิ่ม ประสิทธิภาพในการเลือกตั้ง ให้โปร่งใสตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่น เร่งทำระบบรายงานผลเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว
วันนี้ (12ธ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการเลือกตั้ง ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)เพื่อยกระดับกระบวนการเลือกตั้งของประเทศให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ นายคมสัน มาลีสี อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นผู้แทนลงนาม พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ณัฐวัฒน์ เสงี่ยมศักดิ์รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง , ว่าที่ร้อยตรี ภาสกร สิริภคยาพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ,นายสมยศ เกียรติวนิชว์ไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และนายเจริญ วงษ์ชุ่มเย็น หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยเมืองอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมลงนามเป็นพยาน
สำหรับการลงนามข้อตกลงครั้งนี้เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างสององค์กรในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อการเลือกตั้ง โดยร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ออกแบบ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสมกับการดำเนินงานการเลือกตั้งในทุกมิติ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและกำลังคนด้านเทคโนโลยีการเลือกตั้ง เสริมสร้างประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนด้านการเลือกตั้งเพิ่มความโปร่งใส ความสามารถในการตรวจสอบได้ และความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้ง ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัย โดย กกต.จะสนับสนุน งบประมาณ รวมถึงให้ข้อมูล คำปรึกษา และคำแนะนำด้านกฎหมาย ระเบียบ และกระบวนการต่าง ๆ ขณะที่ สจล. จะเป็นการออกแบบและวางแผนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มและโซลูชันเทคโนโลยี การทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของระบบที่พัฒนา การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการฝึกอบรมบุคลากร รวมถึงการจัดทำเอกสารและคู่มือการใช้งานระบบ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่าย สามารถนำเสนอโครงการเพื่อขอทุนการวิจัยและพัฒนาระบบจากหน่วยงานที่สามารถสนับสนุนได้อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะเพิ่ม ความน่าเชื่อถือของระบบการเลือกตั้ง รวมถึงการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมั่นว่า ความร่วนมือในทั้งนี้จะเป็นอีกครั้ง ในการยกระดับระบบการเลือกตั้งของประเทศไทยให้มีความทันสมัย โปร่งใส และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนในยุคดิจิทัล
เมื่อถามว่านวัตกรรมหรือแฟลตฟอร์มที่จะสร้างสำหรับการเลือกตั้งจะเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่หรือพัฒนาจากตัวเดิมที่ สำนักงาน กกต.ใช้อยู่ นายแสวง กล่าวว่าในระยะยาวจะใช้มาใช้เรื่องความโปร่งใส การบริหารและการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีหรือ AI มาใช้กับงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และอย่างเหมาะสม และดี ส่วนการเลือกตั้งที่จำเป็นขึ้นเร็วๆนี้คงจะมีเทคโนโลยี บางตัวที่จะนำมาใช้เกี่ยวกับการรายงานผลคะแนน หรือการรวมคะแนน ให้เห็นถึงความถูกต้องรวดเร็ว โปร่งใสรวมถึง รูปแบบในการนำเสนอให้กับประชาชน และสื่อมวลชน ได้นำไปใช้อย่างดียิ่งขึ้น
ด้านนายคมสัน กล่าวว่า ข้อมูลของทาง กกต.มีหลายมิติที่สามารถนำข้อมูลซ้ำๆมารวบรวม วิเคราะห์สังเคราะห์และเตรียมตอบคำถาม ซึ่งข้อมูลต่างๆของ กกต.จะถูกดันเข้าไปในระบบดาต้า โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและให้คำตอบในหลายเรื่องกับผู้ที่สงสัยได้ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่จะสนับสนุนได้คือการนำเสนอผลการเลือกตั้งให้รวดเร็วและให้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้เป็นแผนภาพ ให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับรู้ข้อมูลที่ตรงกัน ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่สามารถทำได้คือการรายงานผลคะแนน เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อป้อนข้อมูลและสามารถเปิดเผยได้เลย ขณะที่แผนป้องกันข้อมูลรั่วไหล จะต้องวางแผนและมีโครงสร้างที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันข้อมูลให้ปลอดภัย


