ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต-มาลี" ฟังให้ดี ศึกนี้กองทัพไทยเต็มรูปแบบ..“สุดซอย”!!
ขอสดุดีวีรบุรุษผู้กล้า ที่พลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยทุกนาย และขอเป็นกำลังให้ทหารกล้าที่แนวหน้า และผู้บาดเจ็บให้หายเร็ววัน
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาวันนี้ ชัดเจนว่า กองทัพไทยเดินหน้าเต็มรูปแบบ เพื่อทวงคืนพื้นที่แผ่นดินไทยที่ถูกรุกล้ำแบบสุดซอย!
วันที่สองแห่งการรบรอบใหม่ ทหารเขมรกองทัพของ “ฮุน เซน” ระดมยิงด้วยปืนใหญ่ และจรวด BM-21
มีรายงานว่า ทหารเขมรใช้ลูกเมียเป็นโล่มนุษย์ พบว่าขนมาอยู่ด้วยในบังเกอร์ ช่วยแบ่งงานประกอบกระสุนปืน ค. ส่วนผัว สู้รบกับทหารไทย
ขณะที่ กองทัพภาคที่ 2 ออกมาเปิดเผยพื้นที่ ที่เป็น 'ตำบลกระสุนตก' ได้แก่ พระวิหาร, ภูมะเขือ, เนิน 600, บ้านภูมิซรอล ม.12, ช่องอานม้า, ช่องบก, ปราสาทตาควาย, ปราสาทตาเมือนธม และ พลาญยาว
งานนี้ จากที่มีวงในเผยก่อนนี้ กองทัพไทยได้ขอคำมั่นจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่า อย่าสั่งให้หยุดยิง เมื่อวาน (9ธ.ค.) “เสี่ยหนู” ถูกนักข่าวถาม จึงยืนยันเสียงดังฟังชัดว่า “ไม่มี ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว”
พร้อมรับปากกับกองทัพว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ ในการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ อย่างเต็มที่!
ส่วนกรณีที่ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา งัดมุกเก่าแฉภาพและโจมตีว่า เป็นการสร้างกระแสทางการเมืองนั้น “อนุทิน” สวนกลับแบบไม่สะทกสะท้านว่า ตอนไปกินก๋วยเตี๋ยว กวยจั๊บ ข้าวต้ม ก็มีแต่คนให้กำลังใจ คงไม่ต้องไปสร้างกระแสตามที่ “ฮุน เซน” แซะ
งานนี้จึงเป็นเรื่องปฏิบัติการสุดซอย! ที่คนไทยหวังจะให้จบๆ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยถ้าฟังจาก“พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์” เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ที่ได้เข้าเยี่ยม และให้กำลังใจทหารกล้าที่บาดเจ็บจากการสู้รบพร้อมกับพูดกับพวกเขาเหล่านั้น ว่า ตอนนี้เพื่อนๆ กำลังปฏิบัติการไล่ยึดพื้นที่ เหลือเพียง 4 ที่หมายสุดท้าย ที่เพื่อนๆ ที่แนวหน้าจะจัดการเอาคืนให้!
เราจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน!!
“เสธ.ทบ.” ยังยืนยันว่า หลังปะทะสองวัน ทหารไทยสามารถครอบครองได้หลายพื้นที่ แต่ไม่อยากลงรายละเอียดเนื่องจากอยู่ในยุทธวิธีทางทหาร แต่ในวันที่สอง ทหารกัมพูชาเริ่มใช้ทั้งโดรนทิ้งระเบิด รวมทั้งอาวุธหนัก โจมตีทหารไทยมากขึ้น
นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกไป ทหารกัมพูชาก็ไม่ได้ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งมีการฝังตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นเครื่องยืนยันว่า กัมพูชาไม่เคยพูดอะไร ทำอะไร อย่างตรงไปตรงมา
สอดคล้องกับ “พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์” โฆษกกองทัพเรือ ก็ออกมาตอกย้ำความ 'ไม่จริงใจ' ของฝ่าย “เหมน” โดยชี้แจงสถานการณ์ที่ชายแดนตราด ว่า มีภาพถ่ายทางอากาศล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่า กำลังทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการในเขตอธิปไตยของไทยอีกครั้ง บริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองฯ จ.ตราด! ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ฐานมั่นถาวรของเขมร ถูกรื้อทำลาย และถอนกำลังไปแล้ว
โฆษก ทร. ยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามหลักสากลจากเบาไปหาหนักแล้ว แต่เมื่อถูกรุกล้ำอธิปไตยซ้ำซาก ก็ถึงเวลาที่ต้อง "ดำเนินการทางทหาร"!
ด้าน “พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ” โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาเปิดเผยถึงเหตุผลที่ไทย ไม่เปิดฉากโจมตีก่อนว่า เป็นเพราะไทยยึดมั่นในหลักสากล และ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) อย่างเคร่งครัด แม้จะทราบตำแหน่งอาวุธฝ่ายตรงข้ามดี!
แต่ตอนนี้... จุดแตกหักมาถึงแล้ว โฆษกกลาโหมย้ำชัดว่า วันนี้ไทยได้มาถึงจุดที่หมดความอดทนแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้กำลังทหาร เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ
กองทัพไทยพร้อมรบอย่างเต็มศักยภาพ การปะทะครั้งนี้ จะ ไม่เหมือนรอบก่อน และปี 54 เพราะรัฐบาลไฟเขียวแล้ว ต้องลิดรอนขีดความสามารถของกัมพูชา เพื่อให้หมดสภาพที่จะเข้ามาในดินแดนของเรา
งานนี้บอก "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต-มาลี"เลย... ศึกครั้งนี้ ทัพไทย...สุดซอย!
++ “อนุทิน” ส่งสัญญาณ ยุบสภาก่อน 31 ม.ค.69
สร้างความแปลกใจให้กับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการ ไม่น้อย เมื่อจู่ๆ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ก็เรียกให้มาประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (9 ธ.ค.)
ปรากฏว่า เป็นการเรียกมาซักซ้อม ถึงการทำงานร่วมกัน ในช่วงที่เป็น “รัฐบาลรักษาการ” จะได้ไม่เกิดภาวะ เกียร์ว่าง เครื่องสะดุด
“อนุทิน” เกริ่นนำว่า เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เราก็ต่างเป็นพวกเดียวกัน มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความต่อเนื่อง ก่อนจะส่งสัญญาณกับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการ ว่าจะมีการ “ยุบสภา” ก่อนวันที่ 31ม.ค.69 แน่ เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนด วัน ว. เวลา น. ที่ชัดเจนลงไป
“อนุทิน” บอกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในช่วงที่มี “รัฐบาลรักษาการ” มักจะมีการใช้กลไกอำนาจรัฐโดยมิชอบ ไปในทางที่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่ม และคณะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตลอดจนใช้อำนาจนั้น กลั่นแกล้ง ขัดขวาง หรือเป็นอุปสรรค ในการดำเนินงาน ซึ่งไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็อยากให้ข้าราชการ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้อง โดยไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจใดๆ
“แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญ พวกเรายังคงต้องทำงานด้วยกัน จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งนับดูคร่าวๆ “ก็ยังเจอกันอีกระยะเวลายาวนาน ได้ทำบุญ100 วันแน่นอน ”
เมื่อ“อนุทิน” พูดถึงเรื่องยุบสภา โดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นวันไหน คำถามที่ตามมาคือ แล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำกันมาเป็นปี เสียทั้งค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าข้าว ค่าแอร์ แล้วจะได้โหวต วาระ 3 หรือไม่ เพราะถ้ายุบสภาก่อน ก็เป็นอันว่าทุกอย่างที่ทำมานั้นสูญเปล่า
ซึ่งตามกำหนดการ “ประธานวันนอร์” ได้นัดประชุมรัฐสภาวิสามัญ เพื่อพิจารณา ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ในวันที่ 10-11ธ.ค.นี้ เมื่อผ่านวาระ 2 แล้ว ต้องทิ้งช่วงไว้ 15 วัน ก่อนที่จะให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ในวาระ 3 จากนั้นก็ถามประชาชน ด้วยการทำประชามติอีกครั้งว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะมีการแก้ไข
หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ 2 ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ อย่างเร็วที่สุดที่จะพิจารณาวาระ 3 ได้ก็คือ วันศุกร์ที่ 26 ธ.ค. แต่บังเอิญวันนั้น ไม่ใช่วันที่มีการประชุมสภา หากจะเลื่อนไปวันเสาร์ที่ 27ธ.ค. ก็จะต้องมีการหารือ ตกลงกันว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยให้เลยช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ไปก่อน แล้วค่อยมาพิจารณากัน
แล้ว “อนุทิน”จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้แค่ไหน เมื่อเทียบกับการยุบสภา!
“อนุทิน” บอกว่าก็อยากเห็นรัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไข ให้เป็นประชาธิปไตย และถ้าดูตามเงื่อนเวลา การโหวตวาระ 3 น่าจะจบในเดือนม.ค.69 อยู่แล้ว
“แต่ถ้ามีพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่เห็นว่าเล่นเกมการเมือง และชิงไหวชิงพริบทางการเมืองสำคัญกว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือเรื่องของส่วนรวม ผมคงไม่ปล่อยให้เกิดโอกาสเช่นนั้น”
ดังนั้น มีแนวโน้มว่าจะได้มีการพิจารณา วาระ 3 ส่วนผลโหวตจะผ่านหรือไม่ ขึ้นกับเนื้อหาที่ผ่านวาระ 2 มาแล้วนั้น จะถูกใจพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา หรือไม่
สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องอยู่เลยไทม์ไลน์ 31 ม.ค.69 หรือไม่นั้น “อนุทิน” บอกว่า กองทัพมีแสนยานุภาพ และมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว ไม่ห่วง
พรรคภูมิใจไทยและ อนุทิน จากที่เคยถูกสังคมถามถึงภาวะผู้นำ หลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ทำให้คะแนนนิยมหล่นวูบ จนมีการคาดการณ์กันว่า การยุบสภาอาจต้องยื้อเวลาออกไป
แต่วันนี้ เมื่อมีสงครามไทย-กัมพูชา แล้ว “อนุทิน” ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกาศชัดว่า “ไทยพร้อมปฏิบัติการทางทหารในทุกมาตรการ เพื่อปกป้องอธิปไตย” ทำให้ภาพผู้นำที่เคยถูกโจมตีจากน้ำท่วม กลับมาแข็งกร้าวและทรงพลังอีกครั้ง ในสายตาประชาชนจำนวนมาก
จากเสียงด่าเรื่องการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วม กลายเป็นเสียงสนับสนุน กระแสชาตินิยม อารมณ์ปกป้องชาติ ปะทุขึ้นทันที และอาจเป็นด้วยเหตุนี้ ที่ทำให้ “อนุทิน” กลับมากำหนดท่าทีเรื่องยุบสภา อีกครั้ง


