xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานทรัพย์และอุปกรณ์สนับสนุนภารกิจฟื้นฟู -รพ.หาดใหญ่ได้รับพระราชทาน 100 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานทรัพย์และอุปกรณ์สนับสนุนภารกิจฟื้นฟู -รพ.หาดใหญ่ได้รับพระราชทาน 100 ล้านบาท พร้อมนำ คกก. ผชช. ลงพื้นที่สงขลาเดินหน้าถอดบทเรียน–ฟื้นฟูสถานการณ์ พร้อมหน่วยงานรัฐเร่งช่วยเหลือต่อเนื่อง กำชับคุมเข้มสาธารณสุขเฝ้าระวังโรคหลังน้ำท่วม ควบคู่ฟื้นฟูและจัดการขยะ


วันนี้ (6 ธันวาคม 2568) เวลา 10.15 น. ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อวางแผนฟื้นฟูพื้นที่หาดใหญ่–สงขลา หลังระดับน้ำลดลง

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทั้งสามเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อกราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์ในพื้นที่และการดำเนินภารกิจฟื้นฟูหลังอุทกภัยในจังหวัดสงขลา


ในการนี้ โรงพยาบาลหาดใหญ่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และฟื้นสภาพโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุทกภัยให้สามารถกลับมาให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดเร่งรัดการบริหารจัดการและใช้จ่ายพระราชทรัพย์ที่ได้รับพระราชทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการฟื้นฟูโรงพยาบาลและการดูแลประชาชนในพื้นที่

ส่วนกองทัพนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน โดรนสำหรับสำรวจและลำเลียงสิ่งของให้กับแต่ละเหล่าทัพ จำนวนเหล่าทัพละ 10 ลำ เพื่อใช้สนับสนุนภารกิจด้านการบรรเทาสาธารณภัย การค้นหา การสำรวจพื้นที่ และการช่วยเหลือประชาชนในเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้เป็นกำลังใจสำคัญต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก พร้อมย้ำว่ารัฐบาลและทุกหน่วยงานจะเดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่จังหวัดสงขลาอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ซึ่งประกาศไว้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 หลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลง จากการที่น้ำลดลงและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนและได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคประชาชน จนหน่วยงานรัฐ รวมถึงฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องสามารถบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายต่าง ๆ ได้ตามปกติแล้ว

โดยหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลาแล้ว ล่าสุดการฟื้นฟูหลังสถานการณ์มหาอุทกภัยได้เข้าสู่ช่วงเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้เป็น “โหมดฟื้นฟูเต็มรูปแบบ” ซึ่งทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ขณะนี้ระบบสาธารณูปโภค เช่น ประปาและไฟฟ้ากลับมาให้บริการประชาชนเกือบครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังต้องซ่อมแซมระบบเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่าหากประชาชนยังประสบปัญหาเรื่องอาหารหรือของใช้จำเป็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน รวมถึงการจัดการปริมาณขยะจำนวนมากที่ตกค้างจากน้ำท่วม ที่แม้ทุกฝ่ายจะเร่งขนถ่ายขยะมาตลอด แต่ยังมีขยะจำนวนมากภายในบ้านเรือนของประชาชน ซึ่งจะปรากฏชัดเจนเมื่อประชาชนทยอยกลับเข้าบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานระดมทรัพยากรและกำลังคนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อเร่งเก็บและขนย้ายขยะไปยังจุดกำจัดที่กำหนด พร้อมย้ำว่าปริมาณขยะจะลดลงตามลำดับ หากดำเนินการซ้ำอย่างต่อเนื่องจนกว่าพื้นที่อยู่อาศัยจะกลับสู่สภาพเรียบร้อย

“นี่คือภารกิจสำคัญในการส่งคืนเคหสถานให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย ขอให้ทุกทีมงานอย่าท้อถอย เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างสมบูรณ์” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการเพิ่มเติมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุข นายกฯ ย้ำต้องดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนถึงการดูแลด้านสาธารณสุขและสุขอนามัย โดยเฉพาะการป้องกันโรคระบาดและโรคติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำท่วม พร้อมกำชับให้มีการวางแผนเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ รวมถึงดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลนยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่

ในด้านคมนาคม ขอให้เร่งดูแลประชาชนและฟื้นฟูระบบสัญจรให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว โดยระบบคมนาคม นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตำรวจและกระทรวงคมนาคมเร่งเคลียร์พื้นผิวการจราจรอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเส้นทางถนนหลวงที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ จากรายงานระบุว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่จมน้ำหรือเสียหายออกจากพื้นที่ถนนเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่พบเจ้าของ นายกรัฐมนตรีกำชับว่าให้ขนย้ายรถเหล่านี้ไปเก็บรักษาในจุดที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจรหรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมเน้นย้ำว่ารถเพียงไม่กี่คันที่ถูกทิ้งไว้กลางถนนอาจสร้างปัญหาการจราจรได้ จึงต้องจัดการอย่างรอบคอบและรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการลงพื้นที่สำรวจประชากรและประเมินความเสียหายของบ้านเรือนในจังหวัดสงขลาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญต่อการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยจังหวัดสงขลาได้เริ่มจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนไปแล้วเป็นจำนวนมาก โดยงบประมาณได้ถูกโอนจัดสรรไว้ล่วงหน้าเพียงพอแล้ว หากการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อมูลความเสียหายดำเนินการได้เร็ว ก็จะสามารถเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็วขึ้น การช่วยเหลือด้านค่าซ่อมแซมบ้านเรือนจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและตามความเสียหายจริงของแต่ละบ้าน ไม่ใช่การเหมาจ่ายรายหัว จึงจำเป็นต้องสำรวจอย่างละเอียดและเป็นธรรมต่อทุกครัวเรือน


นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังอยู่ในกระบวนการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เพื่อพัฒนาการป้องกันและการรับมือภัยพิบัติในอนาคต โดยมองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมองเห็นปัญหาและช่องโหว่ได้ชัดเจนที่สุด พร้อมขอให้ทุกฝ่ายนำบทเรียนที่ได้มาใช้ปรับปรุงการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยวันนี้ได้เชิญคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจสอบความเสียหายจริงและประเมินผลการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งได้มีการแบ่งทีมรับผิดชอบตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นระบบ

"หากหน่วยงานใดพบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติภารกิจ ให้รีบประสานขอรับการสนับสนุนจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติทันที พร้อมขอให้ทุกภารกิจด้านการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาประชาชน ต้องมีการกำกับ ติดตาม และรายงานผลผ่านระบบการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานถึงรัฐบาลเป็นประจำทุกวัน" นายกฯกล่าว

คณะที่ร่วมลงพื้นที่ประกอบด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา (อส.) ที่กำลังปฏิบัติภารกิจ Big Cleaning เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพเมืองให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ก่อนออกเดินจากจังหวัดสงขลา ไปยังจังหวัดสตูล เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น