ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ สุดติ่ง "นานา ไรบีนา" ธุรกิจทิพย์ฉ่ำ! "เวย์" ไม่โผล่ จับตาขยายผลคดีตัวละครลับเอี่ยว "ฉ้อโกง"
วงการบันเทิงช่วงนี้ร้อนปรอทแตก กรณีดาราสาว “นานา ไรบีนา” ที่ร่ำๆ ฉาวฉ่ำๆ มาสักพัก สุดท้ายเมื่อวาน (3 ธ.ค.)งานเข้า ถูกเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ. ควบคุมตามหมายจับข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก่อนจะส่งเธอฝากขังต่อในศาลอาญา วันนี้
ตอนนี้คดี “นานา” กำลังเป็นประเด็นที่สังคมสนใจ ว่ากันว่า ผลสอบสวนล่าสุด แม้ "นานา" จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจกลับพบหลักฐานจำนวนมาก โดยเฉพาะ สลิปการโอนเงินปลอม, เอกสารโอนหุ้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง , เอกสารธุรกิจ ที่ตรวจพบว่า “กุขึ้นมา” ทั้งหมดถูกยึดในบ้านพัก เมื่อช่วงเช้า
ข่าวว่า "นานา" เริ่มขาดสภาพคล่อง ตั้งแต่ปี 2565 ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทำธุรกิจล้มหลายครั้ง ก่อนจะเริ่ม “อุบายชักชวนเพื่อน–คนใกล้ชิดร่วมลงทุน” โดยอ้างชื่อคนดัง–นักธุรกิจ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทั้งที่ธุรกิจเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง
เรียกว่าส่วนใหญ่เป็น "ธุรกิจทิพย์" ที่ นานา มโนขึ้นมา ธุรกิจที่มีอยู่จริงมีเพียงร้านตัดผม ที่ทำร่วมกับ "เวย์ ไทเทเนี่ยม" สามี เท่านั้น
ส่วนเงินจำนวนมหาศาล ที่หมุนอยู่…มาจาก “ผู้เสียหาย” ซึ่งเป็นเพื่อนในวงการบันเทิงนั่นเอง
ทั้งนี้ล็อตนี้ มีผู้เสียหายรวมทั้งหมด 17 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 195 ล้านบาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ เป็นทั้งเพื่อนสนิทในวงการบันเทิง และกลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนนานาชาติ ที่ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ
แต่ประเด็นที่โซเชียลฯ จับตาไม่แพ้ตัวคดี คือ ตอนตำรวจบุกเข้าบ้าน ไม่พบ "เวย์" อยู่ในบ้าน และจากการสืบสวนพบว่า เวย์ ไม่ได้กลับบ้านมา 3 วันแล้ว !
กระทั่ง "นานา" ถูกควบคุมตัว ก็ยังไม่มีชื่อของสามีคนดังโผล่มาที่กองบัญชาการตำรวจ เพื่อให้กำลังใจภรรยา แต่อย่างใด
สังคมจึงตั้งคำถามกันว่า “เวย์” แค่เว้นระยะ หรือ รู้มากเกินไปจนต้องล่องหน ?
ข่าวบางกระแสก็บอกว่า “เวย์ กับ นานา” หย่ากันมาได้ปีกว่าแล้ว!!
งานนี้ฟังว่า ตำรวจเริ่มสืบหาบุคคลใกล้ตัว ที่อาจพัวพันร่วมด้วยช่วยกับ “นานา”
ที่มาของเรื่องนี้ต้องย้อนดูไทม์ไลน์ ที่จุดเริ่มต้นมาจากเพจดังโพสต์แฉ “ดาราย่อ น.” ชวนลงทุนจนมีผู้เสียหายมูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท
ชื่อที่ถูกโยงขึ้นมาตอนนั้นคือ “วุ้นเส้น” และ “นานา”
ต่อมา "วุ้นเส้น โพสต์ยืนยัน 1,000% ว่าไม่เกี่ยว พร้อมจะฟ้องคนกล่าวหา ขณะ“นานา” ก็แชร์โพสต์สนับสนุนเต็มๆ
ดรามากันดุเดือดจนชาวโซเชียลฯ ถามไถ่กันตลอดเวลา ใครที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ?
คดีเริ่มลามไปสู่ สัมพันธ์เพื่อนดารา โดยเฉพาะ "แก๊งนางฟ้า" เมื่อมีหลายคนอันฟอลโลว์ บางคนเงียบ และตัดหางนานา จนโซเชียลเมาต์กันสนุกปากว่า.. เพื่อนรัก กลายเป็น เพื่อนพัก?
ขณะที่ “นานา” ออกมาชี้แจงแบ่งรับ แบ่งปฏิเสธ
“นานา” ยอมรับว่าเธอคือ “ดารา น.”
แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ชวนลงทุน ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ พร้อมระบุว่า เป็นการเข้าใจผิดจากธุรกิจผิดพลาดของคนใกล้ชิด
ทว่าต่อมา ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความ หลายรายทยอยให้ปากคำ พร้อมหลักฐานเต็มมือ
จากนั้น ทนายดังเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนตำรวจต้องเร่งการสอบสวน และนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวบันเทิง แต่คือ “ภาพสะท้อน” การใช้ชื่อเสียงหลอกลงทุน ที่คนใกล้ตัวเจ็บที่สุด!!
ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ "เวย์" จะโผล่เมื่อไหร่ ? ตัวละครลับจะถูกเรียกสอบเพิ่มอีกกี่คน ?
คดี 400 ล้าน จะไปจบที่ได้เงินคืน หรือจบที่คุกของ “นานา” และคนอื่นอีกหรือไม่!?
คดีนี้ยังอีกยาว และน่าจะมี “พีกกว่าที่เห็น” แน่นอน.
++ ตั้ง “18 ผู้ว่าฯสีน้ำเงิน” หวังผลเลือกตั้ง รักษาอำนาจ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) ผู้คนส่วนใหญ่จับจ้องว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง ในการเยียวยา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยที่ภาคใต้
แต่แล้วก็มีวาระสอดแทรกเข้ามา ชนิดที่แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ไม่ระแคะระคายมาก่อน นั่นคือวาระการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย 20 ตำแหน่ง
ในจำนวนนี้ เป็นการตั้งรองผู้ว่าฯ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 2 ตำแหน่ง ที่เหลืออีก 18 ตำแหน่ง เป็นการตั้ง รองผู้ว่าฯ ขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
แม้จะอ้างว่า แต่งตั้งเพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ แต่เมื่อเกิดขึ้นในช่วงจังหวะเช่นนี้ ย่อมถูกมองว่าเพื่อเอื้อการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นในต้นปีหน้า
ไม่ว่า รองผู้ว่าฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งลอตนี้ จะฝักใฝ่การเมืองหรือไม่ หรือมีความใกล้ชิดกับขั้วการเมืองใดก็ตาม ตอนนี้ย่อมถูกตีตรา เหมารวมว่าเป็น “ผู้ว่าสีน้ำเงิน” ไปเป็นที่เรียบร้อย
ใน 18 จังหวัดที่ว่า ก็มี จ.กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา ชัยนาท นราธิวาส บึงกาฬ พะเยา พัทลุง มหาสารคาม ยะลา ระนอง ลพบุรี ลำพูน สตูล สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุรินทร์ อำนาจเจริญ
เป็นที่รู้กันในแวดวงนักเลือกตั้งว่า ข้าราชการสายปกครองของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ระดับอธิบดีกรม ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ปลัดฯ นายอำเภอ ล้วนเป็นองคาพยพ ที่ส่งผลได้ ผลเสีย ต่อการเลือกตั้ง
เพราะกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงการทำงาน นโยบายของรัฐบาล ลงไปสู่ระดับจังหวัด และท้องถิ่น
ย้อนไปในช่วง “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย ช่วงนั้น“ทักษิณ ชินวัตร”ประกาศชัดว่า ต้องยึดกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมา เมื่อ “อนุทิน” ไม่ยอม จึงถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้าน
“ภูมิธรรม เวชยชัย” ขึ้นมารังตำแหน่งรองนายกฯ ควบรมว.มหาดไทย ก็จัดการโยกย้ายใหญ่ทันที ตั้งคนของตัวเองขึ้นเป็นอธิบดี เป็นผู้ว่าฯ ใครที่เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย จะถูกเก็บเข้ากรุ ไปเป็น “ผู้ตรวจฯ” และทำหลายครั้งในระยะเวลาสั้นๆ เตรียมจะลงลึกไปถึงระดับนายอำเภอ
แต่ “แพทองธาร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เสียก่อน จากกรณีคลิปเสียงฮุน เซน รัฐบาล พังไปทั้งคณะ
แล้ว “อนุทิน ชาญวีรกูล” ได้กลับมาเป็น “นายกฯส้มหล่น” จากการโหวตหนุนของพรรคส้ม เขาไม่ลืมที่จะนั่งควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทย อีกครั้ง
จากนั้นก็ แต่งตั้ง โยกย้าย เอาคนของตัวเองที่ถูก “ภูมิธรรม” เก็บเข้ากรุ ออกมาเป็นผู้ว่าฯ เป็นอธิบดี กุมอำนาจต่อ
แค่ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2 เดือน เขาจัดแถวโยกย้ายเก้าอี้ที่สำคัญๆของกระทรวงมหาดไทย ไปแล้วประมาณ 50 ตำแหน่ง
การแต่งตั้ง โยกย้ายชนิดชุดใหญ่ไฟกระพริบ รวมทั้งล่าสุดแบบไม่สนว่า กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องบริหารจัดการ หลังน้ำท่วมใหญ่ ชาวบ้านยังลุยโคลน ซ่อมบ้าน ซ่อมรถ
จึงยิ่งดึงดูดความสนใจ และเชื่อว่านี่ไม่ใช่เพียงการจัดระเบียบหน่วยงาน ตามระบบราชการ แต่มีแรงจูงใจอื่น คือ “หวังผลเลือกตั้ง” แฝงอยู่ด้วย
“ด้านได้ อายอด” เป็นคำเปรียบเปรย ที่อธิบายถึงพฤติกรรมของนักการเมืองได้เป็นอย่างดี และเป็นมาทุกยุค ทุกสมัย และนับวันดีกรี “ความด้าน” จะยิ่งเพิ่มขึ้น
“อนุทิน” จึงไม่สนกับคำครหาที่จะตามมา ว่ากำลังใช้ตำแหน่งหน้าที่ ทุ่มเทไปกับการรักษาอำนาจ มากกว่าการแก้ปัญหาของประชาชน !!


