“พาณิชย์” จัดกระเช้า “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ชูแคมเปญส่งเสริมการตลาด GI ในรูปแบบกระเช้าปีใหม่ GI นานาชนิด หนุนเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย สร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะกรมทรัพย์สินทางปัญญา นำกระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่ มาจัดแสดงให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รับทราบ พร้อมแนะนำแคมเปญ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” โดยผนึกกำลังห้างร้านและภาคเอกชนร่วมส่งเสริมการตลาดสินค้า GI ผ่านกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่บรรจุสินค้า GI นานาชนิด เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ คุณค่า และศักยภาพสินค้า GI ไทย ว่ามีคุณภาพไม่แพ้สินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าชุมชนและต่อยอดสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ณ โถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งเสริมสินค้า GI เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญตามนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้ความสำคัญกับการเสริมแกร่งผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการเพิ่มรายได้จากผลผลิต GI ซึ่งเป็นของดีประจำถิ่นที่มีอัตลักษณ์ และมีเอกลักษณ์พิเศษตามสภาพดิน น้ำ อากาศ หรือภูมิปัญญาในพื้นที่ ส่งผลให้สินค้า GI สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าสินค้าทั่วไป 2-5 เท่า ตัวอย่างเช่น กาแฟเทพเสด็จ (เชียงใหม่) ราคาขายก่อนเป็น GI อยู่ที่กิโลกรัมละ 400 บาท แต่เมื่อได้เป็น GI ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 800 บาท ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์) ราคาขายก่อนเป็น GI อยู่ที่กิโลกรัมละ 33 บาท แต่เมื่อได้เป็น GI ราคากิโลกรัมละ 55 บาท เป็นต้น โดยปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทยแล้วทั้งสิ้น 243 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากทั่วประเทศ มีทั้งกลุ่มอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม และงานศิลปหัตถกรรมพื้นถิ่น โดยสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 114,329 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดสินค้า GI ไทยอย่างครบวงจร โดยหลังจากขึ้นทะเบียน GI แล้ว ก็จะมีการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมยกระดับภาพลักษณ์และขยายช่องทางการค้าสู่ตลาดใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ส่งเสริมการบริโภคสินค้าท้องถิ่นอย่าง GI โดยมีการผนึกกำลังกับภาคเอกชนหลายแห่งนำสินค้า GI ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ เช่น จัดกระเช้าของขวัญ ชุดของที่ระลึกระดับพรีเมียม เป็นต้น ซึ่งผู้ที่กำลังมองหาของขวัญแทนความปรารถดีเพื่อมอบให้กับคนที่รักและห่วงใยในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เชื่อว่า “กระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่” คือของขวัญที่ตอบโจทย์ผู้ให้และถูกใจผู้รับได้อย่างแท้จริง
ด้าน นางอรมน ทรัพยทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กิจกรรม “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ รวม 8 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัดมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และบริษัท สยามทาคาชิมายะ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนการจัดจำหน่าย “กระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่” ในพื้นที่ศูนย์การค้าและห้างร้านต่างๆโดยทุกหน่วยงานได้ร่วมออกแบบและคัดสรรสินค้า GI จากชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว คุณภาพ และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคและช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ GI ไปในคราวเดียวกัน แนวทางดังกล่าวสะท้อนถึงพลังของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ผลักดันสินค้าไทยให้ก้าวสู่ตลาดสมัยใหม่และสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับสินค้า GI ที่นำมาร่วมในแคมเปญนี้ ล้วนเป็นผลิตผลที่ได้รับการรับรองตามระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพ อัตลักษณ์ และความเชื่อมโยงกับแหล่งผลิตเฉพาะถิ่น อีกทั้งยังสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการผลิตของชุมชนนั้นๆ อาทิ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง พัทลุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ) ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ พริกไทยจันท์ (จันทบุรี) ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน สับปะรดภูแลเชียงราย ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ชาเชียงราย น้ำหมากเม่าสกลนคร กาแฟเทพเสด็จ (เชียงใหม่) ส้มสายน้ำผึ้งฝาง (เชียงใหม่) มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว (สมุทรสาคร) ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (นครศรีธรรมราช) สับปะรดบ้านคา (ราชบุรี) สับปะรดภูเก็ต สับปะรดนางแล(เชียงราย) กล้วยหอมทองพบพระ (ตาก) กาแฟดอยตุง (เชียงราย) เป็นต้น โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้า GI ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในชุมชนทั่วประเทศอย่างยั่งยืน
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญายืนยันจะเดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสินค้า GI ของไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบที่หลากหลาย การยกระดับความร่วมมือกับเครือข่ายโมเดิร์นเทรด การผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ ตลอดจนพัฒนามาตรฐานสินค้าให้เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อให้สินค้า GI ของไทยเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแรง และสามารถยืนหยัดเป็นสินค้าที่สร้างคุณค่าแก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป


