“อนุทิน” ประชุม คกก.ศก. เคาะมาตรการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ ให้กลับมาใช้ชีวิตเข้มแข็ง สั่งปรับวิธีเตือนภัยด่วน เร่งจ่ายเยียวยาครอบครัวสูญเสีย เดินหน้า “Quick Big Win” เพื่อ SMEs ไทย หนุนผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS “SME Spring Board by สสว.” - มาตรการ “THAI SME-GP Plus”
วันนี้ (1 ธ.ค. 2568) เวลา 14.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 6/2568 โดยมีคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการประชุมว่า ทุกช่วงบ่ายของวันจันทร์จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีสถานการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ร่วมกันออกมาตรการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากในเรื่องของเศรษฐกิจต่อทั้งตัวจังหวัด ผู้ประกอบการ และประชาชน นายกรัฐมนตรี จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องให้มาร่วมประชุมกับคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนสมาคมทางด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลงพื้นที่เพื่อให้ได้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น และเร่งทำการฟื้นฟูให้กลับมามีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างรายได้และทำให้โอกาสต่าง ๆ กลับคืนจังหวัด และเร่งนำประชาชนกลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญพระราชกระแสเนื่องด้วยเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบเหตุ โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับศพผู้เสียชีวิตทุกรายไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสา และได้พระราชทานเงินจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้แก่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ทดแทนที่เสียหาย และพระราชทาน Drone สำหรับค้นหาและส่งอาหาร ให้แก่กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชน เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ในการนี้ ตนได้รับการแจ้งย้ำว่า ขอให้ดำเนินการรับศพผู้เสียชีวิตทุกรายไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งหมายความว่าในส่วนของผู้ที่เป็นชาวพุทธจะมีการพระราชทานเพลิงให้กับทุกราย ส่วนผู้ที่นับถือศาสนามุสลิมจะมีการพระราชทานดินฝังศพตามประเพณีและวัฒนธรรมที่ดำเนินกันมา ฉะนั้นขอแจ้งผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอที่มีผู้เสียชีวิตได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด อย่าให้ตกหล่น
นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตรายละ 20,000 บาท ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยขอกำชับว่าให้ดำเนินการตามประเพณีและให้ทำรายงานแจ้งกลับราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำความกราบบังคมทูลให้พระกรุณาทรงทราบต่อไป
“เมื่อวานผมได้นำคณะ รองนายกฯ เอกนิติ รมต.นร. ภราดร รัฐมนตรีศุภจี และทีมงานด้านเศรษฐกิจ ลงไปที่หาดใหญ่ เพื่อสำรวจความเสียหาย และหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อวางแผนการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ รวมถึงเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าจังหวัด ได้มีข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน ขอฝากรองนายกฯ เอกนิติ ให้ช่วยรับข้อเสนอต่าง ๆ ของภาคเอกชน เพื่อเร่งจัดทำแนวทางการช่วยเหลือที่เหมาะสมโดยเร็วต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นมาก น้ำลดลงแล้วเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ.สงขลา ยังดำเนินการดูแลฟื้นฟูสภาพเมืองทุกวัน แต่ยังมีอีกมากที่ต้องเร่งฟื้นฟูเยียวยา โดยจะใช้มติของที่ประชุม กนศ. เพื่อเร่งดำเนินการเพื่อที่จะนำเสนอให้ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. ในการประชุมวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.68) พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการช่วยเหลือฟื้นฟูจะต้องเร่งสปีดไปข้างหน้า ซึ่งไม่ได้มีแค่เพียงมิติเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะต้องเร่งดูแลทั้งการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ประปา อินเทอร์เน็ต ให้กลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพของผู้ประสบอุทกภัย ทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่น ๆ เช่น การปรับปรุงวิธีการเตือนภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจกิจและสังคมแล้ว จะได้ไปหาแนวทาง วิธีการ และหาแพลตฟอร์มในการอัปเกรดการเตือนภัยให้เร่งด่วนและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเรื่องสำคัญในเบื้องต้นที่จะเร่งดูแลพี่น้องประชาชน คือ การจ่ายเงินเยียวยา ทั้งเยียวยาในรายครัวเรือนและของผู้เสียชีวิต ซึ่งจะให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอให้ที่ประชุมได้รับทราบต่อไป และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเร่งนำเสนองบประมาณในการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้ประสบภัยเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
สำหรับที่ประชุมได้รับทราบมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ของ กค. และหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win” เพื่อ SMEs ไทย และมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS “SME Spring Board by สสว.” และ มาตรการ “THAI SME-GP Plus” โดยพรุ่งนี้ (2 ธันวาคม 2568) จะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ภายหลังการประชุม นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมสรุป ดังนี้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ครอบคลุมทั้งมาตรการด้านการเงิน ภาษี การประกันภัย การประกอบอาชีพ และการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค โดยยึดหลักความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ภายใต้แนวคิด “Quick Big Recovery” มีรายละเอียด ดังนี้
ระยะที่ 1: การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เป็นการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ได้แก่ (1) การจัดหาสิ่งของอุปโภคและบริโภคจำเป็นและขาดแคลน (2) การจัดหาที่พัก/ศูนย์พักพิง (3) การจัดหาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ไฟฟ้า ประปา อินเทอร์เน็ต เป็นต้น (4) การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยการดำเนินมาตรการภาษีสนับสนุนการบริจาค และ (5) การเร่งรัดให้จ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงาน
ระยะที่ 2 - 3: การเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นการประคับประคองและบรรเทาภาระความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่อย่างรอบด้าน เพื่อให้ภาคประชาชน ธุรกิจ และเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมีการดำเนินการ ดังนี้
1) การลดภาระหนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 เดือน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้ (คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี) รายละไม่เกิน 1,000,000 บาท ต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
2) การเก็บเงินไว้ในกระเป๋า/ส่งเงินให้ถึงมือ เช่น การให้สินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เป็นสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับธนาคาร (ลูกหนี้เดิม) รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก การให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก การสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหาย การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยที่ได้รับ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาที่ประสบอุทกภัยตามจำนวนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น การขยายเวลากำหนดเวลาการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ เป็นต้น
3) การลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเครื่องจักรและชิ้นส่วนเพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมความเสียหายจากอุทกภัย การยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุที่ประสบอุทกภัย การงดหรือลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญาที่ทำจัดซื้อจัดจ้าง การลดค่าน้ำประปาในพื้นที่อุทกภัย การเตรียมจัดงานธงฟ้าเยียวยาค่าครองชีพ โดยเน้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดหลังน้ำลดและอุปโภคบริโภคจำเป็น เป็นต้น
4) ด้านอื่น ๆ เช่น รัฐวิสาหกิจตรวจสอบความปลอดภัยตามที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้างระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า รางรถไฟ เป็นต้น การอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด เป็นต้น พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาแนวทางที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ที่ประสบอุทกภัยได้รับความช่วยเหลือที่สอดคล้องกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือของสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่อไป


