“สมศักดิ์” เปิดใช้งานประตูระบายน้ำบ้านคลองด่าน หลังผลักดันสำเร็จ ช่วยแก้น้ำท่วม–แล้งสุโขทัย–พิษณุโลก ยกระดับพื้นที่ 3 หมื่นไร่ – แย้มผลักดัน “ยางซ้าย–ปากพระ–กงไกรลาศโมเดล” พร้อมเสนอทำกฎหมายค่าเสียโอกาสให้ประชาชน
วันนี้( 1 ธ.ค. 2568 )นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย น.ส.ณัคนางค์ กุลนาถศิริ นางสุภาวิณี นวลหงษ์ นายอำเภอกงไกรลาศ นายชวนินทร์ สุภาษา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุโขทัย นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก หัวหน้าส่วนราชการ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ร่วมพิธีทำบุญประตูระบายน้ำบ้านคลองด่าน ที่หมู่ 9 บ้านหนองกระทุ่ม ตำบลไกรใน อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย โดยมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 500 คน
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประตูระบายน้ำบ้านคลองด่าน มีประชาชนได้ใช้ประโยชน์ทั้งในจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก ตนจึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ติดตามโครงการนี้จนสำเร็จ ซึ่งโครงการนี้ เป็นการต่อยอดการพัฒนาตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา จากเป็นคลองเล็กๆไม่สามารถส่งน้ำได้ โดยถ้าไม่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2547 ก็อาจจะไม่มีคลองน้ำ เพราะจะกลายเป็นที่ดินของพี่น้องประชาชน แต่ขณะนั้น ตนดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ก็ได้ผลักดันงบประมาณ มาเปิดคลองยมเก่าจุดนี้ ระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อพัฒนาเป็นแหล่งน้ำแล้ว ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่องคือ ประกาศเป็นเขตชลประทาน จะได้พัฒนาเป็นประตูระบายน้ำได้
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าต่อมาเมื่อปี 2566 สมัยตนดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ได้วางแผนก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำตำบลวังลึก กม. 49+240 แม่น้ำยมสายเก่า และปรับปรุงเสริมบานประตูระบายน้ำบ้านคลองด่านเพิ่มความสูงบานอีก 1.00 เมตร งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 83 ล้านบาท โดยขณะนั้น ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการฯ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืน ทำให้ในปี 2567 ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้าง สมัยตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยปัจจุบันงานเสริมบานประตูระบายน้ำฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และงานก่อสร้างประตูระบายน้ำ ตำบลวังลึก กม.49+240 แม่น้ำยมสายเก่า ดำเนินการไปแล้ว 93%
“
การดำเนินโครงการนี้ เป็นการบูรณาการ 3 พื้นที่ คือ 1.ยมน่าน 2.สุโขทัย 3.ยมเก่า และพิษณุโลก เข้าด้วยกัน เพื่อให้บริหารจัดการน้ำ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยมีพื้นที่ของประชาชน ได้ประโยชน์ประมาณ 30,000 ไร่ ซึ่งถ้าพี่น้องประชาชน มีผลผลิตไร่ละ 10,000 บาทต่อปี เมื่อมีน้ำใช้ เกษตรกรก็จะมีรายได้หมุนเวียนไม่คิดต้นทุน ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ผมก็มีแนวคิดและกำลังศึกษาโครงการแบบบางระกำโมเดล ซึ่งอาจผลักดัน ยางซ้าย ปากพระโมเดล หรือ กงไกรลาศโมเดล เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำทั้งหมด แต่ถ้าจะมีการทำ ก็ต้องมีการจ่ายค่าเช่า และค่าเสียโอกาสให้กับประชาชน โดยอาจจะต้องทำเป็นกฎหมายให้บังคับจ่ายเงินให้ประชาชน ซึ่งเกษตรกร จะได้รับค่าเสียโอกาสไร่ละประมาณ 300-400 บาท/เดือน ในระยะเวลา 4 เดือนต่อปี รวมแล้วก็จะได้ไร่ละ 1,200-1,500 บาท สำหรับเป็นพื้นที่รับน้ำโมเดล โดยผมก็จะเร่งศึกษาและผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบน้ำท่วม และน้ำแล้ง ให้ได้มากที่สุด” นายสมศักดิ์ กล่าว


