“วิทยา” ค้านเนื้อหาร่างแก้ รธน.หลังผ่าน กมธ. ชี้ผิดเจตนารมณ์ทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พร้อมมอง “อนุทิน” หากยุบสภา หนีซักฟอก ทิ้งปัญหาเฉพาะหน้า 3 เรื่อง อาจไม่ได้กลับมา
นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กมธ.เสียงข้างมากพิจารณาแล้วเสร็จและเตรียมส่งให้ประธานรัฐสภาบรรจุเข้าสู่วาระพิจารณาในระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค. ว่า ส่วนตัวมองว่าเนื้อหาที่กมธ.แก้ไขมานั้น ไม่ได้ทำให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เนื่องจากกลไกที่กำหนดให้มีคณะกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คนและกมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คนนั้นมีที่มาจากรัฐสภาเป็นผู้เลือก ซึ่งตนมองว่าหากเป็นเช่นนั้นการแก้รัฐธรรมนูญควรแก้ไขเป็นรายมาตราให้รัฐสภาดำเนินการแทนจะดีกว่า เพื่อไม่เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ
“คนที่หยิบมาจากรัฐธรรมนูญฉบับเก่า สส.มาจากการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญที่ถูกมองว่าเป็นเผด็จการ สว. ก็มาตามรัฐธรรมนูญเผด็จการ ดังนั้นเมื่อไปเลือกกมธ.ร่างรัฐธรมนูญ ก็คือ หลานเผด็จการที่จะไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อเวียนกลับมาสภา แทนที่จะคิดให้ออกว่าแก้อะไร เสนอแก้รายมาตราตามที่ผมอภิปรายว่าเซ็นเช็คเปล่าไปให้ร่างทั้งหมดดังนั้นเจตนารมณ์ที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนตามที่หวัง ก็ไม่ได้แล้ว” นายวิทยา กล่าว
อย่างไรก็ตามนายวิทยาเชื่อว่า การพิจารณาวาระสองและวาระสามได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย มีข้อตกลงทางการเมืองกับพรรคประชาชน เมื่อรวมกันแล้วจะได้เสียงข้างมาก ขณะที่สว. เป็นที่รู้กันว่าเป็นของพรรคไหน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยสามารถกุมเสียงสว. แต่เมื่อผ่านไปแล้วเป็นหน้าที่ผู้สมัครสส. ที่ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังก่อนทำประชามติ แล้วจะอธิบายอย่างไรว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะเขียนอย่างไร และในเมื่อรัฐสภาเป็นคนเลือก คณะร่างรัฐธรรมนูญ สภาเขียนเองไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นตนจะไม่เห็นชอบร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับที่รัฐสภาเตรียมพิจารณา
เมื่อถามถึงกรณีการยุบสภาระหว่างพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จ นายวิทยา กล่าวว่า หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. นั้นรัฐธรรมนูญไม่ได้อะไร ได้ยุบสภาอย่างเดียว หากยุบก่อน 25 ธ.ค. ก็ไม่ได้ เพราะยังไม่ผ่านวาระสาม ดังนั้นเวลานี้ความรู้สึกของประชาชนอยากเร่งรัดรัฐบาลเรื่องแก้ปัญหา 3 เรื่องหลัก คือ 1.น้ำท่วมภาคใต้ รัฐบาลจะดูแลอย่างไร เพื่อให้พ้นจากความทุกข์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 2.ปัญหาชายแดน หากยุบสภา 12 ธ.ค. แล้วมีเหตุการณ์ที่สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาประกาศยกพลมาอะไรจะเกิดขึ้น เพราะการประกาศสงครามต้องใช้รัฐสภา เมื่อไม่มีรัฐสภา ต้องใช้วุฒิสภา เราพร้อมหรือไม่ และ 3.ปัญหาสแกมเมอร์ ทุจริตข้ามชาติ ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเนื่องจากมีคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานและตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
“รัฐบาลควรทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ ถ้าไม่ทำ ผมคิดว่ารัฐบาลลำบาก ถ้ายุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. แล้วทิ้งปัญหาทั้งหมดไว้ โดยรัฐบาลไปเผชิญหน้ากับการเลือกตั้ง ผมว่าคิดดูให้ดี ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเกิดเหตุการณ์จราจลในพื้นที่หาดใหญ่ จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะปี 2518 น้ำท่วมที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุเผาจวนผู้ว่าและ ปี 2531 มีการปิดป่า จนคนตาย 300-400 คน ดังนั้นขอให้เป็นบทเรียนที่รัฐบาลนำมาพิจารณาและทำให้เกิดความกระจ่าง” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ตนมองว่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องทำ หากเล่นการเมืองมากกว่าปัญหาประชาชน เชื่อว่าจะกลับมาไม่ได้ ดังนั้นต้องแก้ปัญหาให้จบ รัฐบาลมาอย่างไร เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องรักษาของตัวเองไว้ให้ได้ หากไม่แก้อะไรเลย ทิ้งปัญหา ถ้าเกิดยุบสภาก่อน ขอถามว่าความปั่นป่วนจะเกิดอะไรขึ้น ใครมีอำนาจจริง ใครจะเชื่อว่าพวกคุณจะได้กลับมา ตอนนี้ได้สั่งกาาร แต่ตอนทำหน้าที่รักษาการ จะสั่งใครไม่ได้ ดังนั้นขอให้มากแก้ปัญหาดีกว่า เมื่อถึงเวลาผิดก็ไปว่าในสภา
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยยื่นญัตติไม่ไว้วางใจพรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมด้วยหรือไม่ กล่าวว่า ตนอยากให้ตรวสอบ เร่งรัดไปแก้ปัญหา มากกว่าเล่นเกมการเมือง หรือเร่งยุบสภา เพราะยุบ หรือไม่ สภาไม่ใช่สาระสำคัญ
เมื่อถามย้ำว่า นายอนุทิน เคยระบุว่าหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยุบสภาหนี นายวิทยา กล่าวว่า “หนีก็หนีไป แล้วต้องหนีทั้งชีวิต แล้วจะกลับมาเผชิญหน้าเขาได้อย่างไร ถ้ากลับมาเขาเผาหาดใหญ่ทั้งงหาดใหญ่ เผาบ้านผู้ว่าแล้ว เพราะทุกอย่างมีบทเรียน ดังนั้นควรถอดบทเรียนในอดีตมาดู”


