xs
xsm
sm
md
lg

รองนายกฯ “สุชาติ” มอบนโยบายยกระดับรับมือไฟป่า สั่งกรมป่าไม้ ประกาศศึกสู้ไฟป่าภาคเหนือ ปี 69 ด้วย 3 นโยบายแบบเห็นผล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมป่าไม้ ประกาศศึกป้องกันป่าและควบคุมไฟป่า พื้นที่ภาคเหนือ ปี 69 ยึดข้อสั่งการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “สุชาติ” และนายกฯ “อนุทิน” ยกระดับการรับมือเต็มรูปแบบ ภายใต้ 3 นโยบายหลัก เตรียมพร้อมตั้งแต่ก่อนฤดูไฟป่า และช่วงเกิดสถานการณ์ เน้นสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมเปิด War Room สกัดไฟแบบฉับพลัน

วันนี้ ( 28 พ.ย. 2568 ) นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะผู้บริหารกรมป่าไม้ ได้เดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมการป้องกันและควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เพื่อมอบนโยบายด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในการนี้ นายโกสิทธิ์ นิลรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กล่าวรายงานการจัดงานดังกล่าว พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เป็นประธานมอบเข็มเชิดชูเกียรติ "รักษ์ป่า รักแผ่นดิน" สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ พร้อมตรวจเยี่ยมกำลังพล และมอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานหน่วยป้องกันรักษาป่า และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษควบคุมไฟป่า เหยี่ยวไฟ

นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า การป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของกรมป่าไม้ สำหรับนโยบายป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จะดำเนินการตามแนวนโยบายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ รวมถึงการทำงานเป็นทีม และด้านสวัสดิการ ดังนั้น ในปี 2569 การป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ กรมป่าไม้ จะให้ความสำคัญใน 3 นโยบายหลัก 

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวนโยบายแรก คือ การยกระดับความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจงานควบคุมไฟป่า โดยมอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ หรือ สจป. ในพื้นที่ประสานคณะทำงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระดับจังหวัด เพื่อประชุมเตรียมความพร้อม และกำหนดแนวทางขับเคลื่อนภารกิจ กำหนดเป้าหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจควบคุมไฟป่าทุกแห่ง จัดทำข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติ รวมถึงแผนงานและงบประมาณเพื่อสนับสนุนภารกิจควบคุมไฟป่าในพื้นที่ของตนเอง

“ส่วนนโยบายที่สอง สนับสนุนองค์ความรู้และการขับเคลื่อนภารกิจควบคุมไฟป่า ให้ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าร่วมกับส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และ สจป.ในพื้นที่ สนับสนุนองค์ความรู้ เทคนิค และแนวทางปฏิบัติแก่หน่วยป้องกันรักษาป่า และหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง”

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงนโยบายที่สามว่า มาตรการเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยจะเตรียมความพร้อมทั้งในช่วงก่อนฤดูไฟป่า โดยมอบหมายให้หน่วยงานป้องกันรักษาป่า ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบ สำรวจพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า พร้อมจัดทำแนวกันไฟ จัดการเชื้อเพลิง และวางแผนการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง พร้อมวางระบบการแจ้งเตือนและตอบสนองสถานการณ์ไฟป่าอย่างทันท่วงที ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์เมื่อเกิดไฟป่า จะมอบให้ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าทุกแห่ง จัดตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่า หรือ War Room ณ ที่ตั้งศูนย์ฯ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการประสานงานบัญชาการเหตุการณ์ ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่าและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้การตอบสนองต่อสถานการณ์ไฟป่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และลดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของนโยบายด้านการป้องกันรักษาป่า อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จะเน้นดำเนินการทั้งด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และดำเนินมาตรการทางวินัยหรือกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สนับสนุน หรือรู้เห็นในการกระทำผิด พร้อมนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ตลอดจนเทคโนโลยีสมัยใหม่อื่น ๆ มาใช้เฝ้าระวัง และติดตาม รวมถึงการกำหนดแนวเขตป่าตามกฎหมายให้มีความชัดเจน พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและเฝ้าระวังพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ จะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชน เช่น การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายพิทักษ์ป่า พร้อมพัฒนากลไกสร้างแรงจูงใจ เช่น ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการปลูกป่าและสามารถแบ่งปันประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต

“ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรมป่าไม้ ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า และได้เตรียมความพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ ในฐานะที่เป็นคนทำงานภาคสนาม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่า ในส่วนของสวัสดิการ อุปกรณ์ และการฝึกอบรม เพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการปกป้องผืนป่าไทยให้คงอยู่เป็นมรดกของชาติสืบไป” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น