xs
xsm
sm
md
lg

กระจายอำนาจ ฯ ร่วมกับสมาคม อปท. จัดประชุมเวทีระดมความคิดเห็นร่างแนวทางถ่ายโอน รพ.สต. จาก อบจ. สู่เทศบาล อบต. เมืองพัทยา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การถ่ายโอน รพ.สต. 4,559 แห่งให้แก่ อบจ. ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการพลิกโฉมระบบสุขภาพปฐมภูมิของประเทศไทยจากเดิมที่มีหน่วยงานบังคับบัญชาเพียงหน่วยงานเดียว คือ กระทรวงสาธารณสุข จวบจนปัจจุบัน รพ.สต. เกือบครึ่งประเทศอยู่ภายใต้สังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ทั้งนี้ คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ฯ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาพรวม ได้มีมติเมื่อปี พ.ศ. 2564 ให้มีคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอน รพ.สต. สังกัด อบจ. ไปยังเทศบาล อบต. และเมืองพัทยา เพื่อให้ รพ.สต. ซึ่งเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ท้ายที่สุดได้รับการถ่ายโอนไปอยู่ภายใต้สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด 


เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา ประธานคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอน รพ.สต. ถ่ายโอนภายใต้สังกัด อบจ. ไปยังเทศบาล อบต. และเมืองพัทยา ได้นำเสนอหลักการของ (ร่าง) หลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอน รพ.สต. ต่อไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ ต่อคณะอนุกรรมการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“แก้วห้าประการของการถ่ายโอนต่อ คือ (1) อบจ. กับท้องถิ่นที่จะถ่ายโอน รพ.สต. ต่อ ต้องเห็นพ้องต้องกัน และบุคลากรต้องยินยอมไม่น้อยกว่า 50% (2) ต้องเน้นการเตรียมความพร้อมท้องถิ่น ไม่เน้นจับผิด (3) กลไกและทรัพยากรสนับสนุน รพ.สต.ถ่ายโอน ต้องเท่าเทียมกับ อบจ. (4) การส่งมอบบุคลากรและทรัพย์สินจะต้องไม่สะดุดจนส่งผลกระทบต่อประชาชน และ (5) อบจ. ในฐานะ อปท.ขนาดใหญ่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและผู้อภิบาลระบบสุขภาพปฐมภูมิในภาพรวมทั้งระบบ” รศ.ดร.ธัชเฉลิม กล่าว 


การถ่ายโอน รพ.สต. ให้แก่เทศบาล อบต. และเมืองพัทยาเกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551 ตาม พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ พ.ศ. 2542 โดยเจตนารมณ์ของกฎหมาย คือ ต้องการให้กระบวนการถ่ายโอนไม่ยุ่งยาก สลับซับซ้อน แต่เน้นการสร้างความพร้อมให้ท้องถิ่น โดยคณะกรรมการกระจายอำนาจ ฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขไปจัดทำตัวชี้วัดและหลักเกณฑ์การถ่ายโอน รพ.สต. ให้แก่ เทศบาล และ อบต.

“แนวทางการกระจายอำนาจ ฯ ในประเทศอื่น คือ ความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา เพราะประเทศอื่นใช้การกระจายอำนาจเป็นการปฏิรูประบบราชการ โดย ‘ปฏิรูป’ ในที่นี้ คือ ส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคก็ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง ในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ถ่ายโอนงานด้านสาธารณสุขไปแล้วก็ยุบราชการส่วนภูมิภาคทันที แต่ในบริบทของประเทศไทย ให้คงราชการส่วนภูมิภาคไว้ เจตนารมณ์คือ ให้เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ท้องถิ่น ในแผนปฏิบัติการถ่ายโอนภารกิจให้ท้องถิ่น ฉบับที่ 2 ซึ่งออกตามความในมาตรา 31-32 ของกฎหมายกระจายอำนาจ ฯ เขียนไว้ชัดเจน ‘ส่วนราชการเจ้าของงานเดิมจะต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนท้องถิ่นจนท้องถิ่นก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคนั้นไปได้’” รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม อธิบาย 




แต่ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 17 ปี การถ่ายโอน รพ.สต. ให้ท้องถิ่นเป็นไปอย่างล่าช้า ข้อมูลจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (https://hsiu.hsri.or.th/) พบว่า ในปี พ.ศ. 2565 (ก่อนการถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อบจ.) มี รพ.สต. เพียง 84 แห่งหรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.85 เท่านั้น เนื่องจากตัวชี้วัดและหลักเกณฑ์การถ่ายโอนสลับซับซ้อนและเน้นจับผิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากจนเกินไป จนปี พ.ศ. 2566 ซึ่งถือเป็นระยะสุดท้ายของแผนปฏิบัติการถ่ายโอน ฯ ฉบับที่ 2 กำหนดให้ถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อบจ. ดูแล จึงเกิดการถ่ายโอน รพ.สต. “บิ๊กล็อต” ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

การนำนโยบายไปปฏิบัติย่อมมีอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา กลไกของหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการก็ต้องร่วมกันวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้แก่ท้องถิ่นก็เช่นกัน

“ที่เราอ้างเพราะมีความกังวลว่า ท้องถิ่นไม่มีศักยภาพรองรับภารกิจสำคัญนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังทู่ซี้ทำวิจัยและขับเคลื่อนนโยบายถ่ายโอนี้ต่อไป ถือว่า พวกเราพยายามแสวงหาคำตอบให้กับคำถามที่ผิด คำถามวิจัยและคำถามเชิงนโยบาย คือ แล้วจะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีศักยภาพ หากแค่ถ่ายโอน รพ.สต. ให้แก่ท้องถิ่น พวกเราทำไม่สำเร็จ แล้วงานที่ใหญ่หลวงกว่า เช่น การเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนรองรับสภาวะโลกร้อน หรือการสร้างเข้มแข็งให้แก่ระบอบประชาธิปไตย จะสำเร็จได้อย่างไร” รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม กล่าวทิ้งท้าย


(ร่าง) หลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอน รพ.สต. ต่อไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ ได้รับการสนับสนุนทุนศึกษาวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายใต้ “โครงการการขยายผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์: การขยายผลนวัตกรรมการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิภายใต้สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด”

โดยขั้นตอนต่อไป คณะทำงาน ฯ จะร่วมกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย โดยเทศบาลเมืองบึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จัดการประชุมเวทีระดมความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์การแพทย์และฟื้นฟูบึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นจึงจะสรุป (ร่าง) ฉบับสมบูรณ์เสนอคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอน ฯ พิจารณาเห็นชอบต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น