สว.สำรอง จับพิรุธ คดีฮั้วสว. ส่อแววเอาผิดแค่ 8 คน ลั่น ล้มคดีเท่ากับล้มกระบวนการยุติธรรมของประเทศ พร้อมจี้กกต.ทบทวนตั้งปธ.กกต.คน.ใหม่ สยบครหามีไอ้โม่ง บงการ หวังเอื้อประโยชน์เลือกตั้งใหญ่
วันนี้( 26 พ.ย.) กลุ่มสว. สำรองนำโดยพล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือต่อกกต.เรียกร้องขอความเป็นธรรม เกี่ยว กับ การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีฮั้วเลือก สว.
โดยนายอุทัย อัตถาพร กล่าวว่า วันนี้เรามา ขอ ความยุติธรรมอีกครั้งหนึ่งหลังจากเราเจอกับวิกฤตความยุติธรรม ที่ผ่านๆ มา เพราะกระบวนการทำคดีฮั้วสว. ยังดำเนินไปอย่างล่าช้า ต้องใช้เวลาเต็มแม็กของกกต. ขณะนี้อยู่ในชั้นอนุกรรมการวินิจฉัย ซึ่งจะครบกรอบระยะเวลา ประมาณวันที่ 14-15 ธ.ค. 2568 แต่เราพบปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วงอยู่ 3 เรื่อง คือ 1. มีกระบวนการกลับคำให้การของพยานบางคน ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องจับตาต่อไป โดยก่อนหน้านี้ไม่มีการไปยื่น หนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว 2. เรื่องการแต่งตั้งประธานกกต.โดยว่าที่กกต. ชุดใหม่ 2 คนยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ซึ่งกรณีนี้ คณะสว.สำรองได้เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อถามความชัดเจนในเรื่องนี้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานวุฒิสภาที่มีหนังสือมายังสำนักงานกกต. นั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะมีประเด็นในข้อกฎหมายและข้อห่วงใยของนักวิชาการหลายคนด้วยกัน และ 3. เรื่อง การดำเนินคดีฮั้วสว.นั้นมีนัยยะสำคัญว่าจะมีการพยายามจัดการเพียงแค่ 8 รายเท่านั้น โดยที่ดีเอสไอ ไม่ได้ออกหมายกล่าวหาทั้ง 136 คน
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้เรามาพร้อมแบนเนอร์ใหม่ว่า "ล้มคดีสว.เท่ากับล้มกระบวนการยุติธรรมของแผ่นดิน" เนื่องจากมีความพยายามของคนบางกลุ่ม ที่พยายามล้มกระบวนการตรวจสอบคดีฮั้วสว.ครั้งนี้ เพราะจริงๆ ปัจจุบันคดีน่าจะเสร็จสิ้นกระบวนความไปตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค 2568 แล้วเนื่องจากครบ 1 ปี แต่ตอนนี้ก็ลากยาวมาจนถึง 14 เดือนเศษ ที่ผ่านมาเราพยายามท้วงติงในหลายๆ โอกาสแต่กกต. ก็ยังไม่นำพา ล่าสุดปรากฏว่า ที่มีการแต่งตั้งประธานกกต.คนใหม่ โดยอ้างว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภาแจ้งมาให้ดำเนินการตามมาตรา 12 วรรค 9 พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. แต่มีนักวิชาการหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งให้ข้อสังเกตว่าการเลือกประธานกกต.นั้น แม้จะมาตรา 12 วรรค 9 ก็จริงแต่จะถือเป็นการข้ามขั้นตอนหรือไม่โดยเฉพาะ ที่ระบุว่าให้กกต.ที่ผ่านความเห็นชอบแล้วมาเลือกประธานกกต ร่วมกับกกต.ที่เหลืออยู่ ในขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ซึ่งหมดวาระแล้วแต่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทั้งประธานกกต. และกรรมการ ตามมาตรา 15 จึงถือว่า การเลือก ประธานกกต.รอบนี้เป็นการข้ามขั้นตอนหรือไม่ เมื่อมีการทักท้วงมาเช่นนี้ทางคณะสว.สำรองจึงมีข้อสงสัยตามไปด้วย จึงได้ไปนำเรียนต่อเลขาวุฒิสภาเพื่อขอให้ทบทวน ขณะเดียวกันวันนี้ ก็มาที่กกต เพื่อยื่นหนังสือ ถึงกรรมการกกต.ทุกๆ คนเพื่อทบทวนว่าสิ่งที่ท่านทำไปนั้น มันถูกมันต้องประการใดเพราะไม่อย่างนั้น ก็จะเป็นประเด็นที่ทำให้ หลายฝ่ายท้วงติงภายหลัง
"การเลือกประธานกกต.ครั้งนี้อาจจะมีข้อสงสัยข้อเคลือบแคลงของหลายๆ ฝ่ายว่าเป็นมติที่อาจมาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มหรือมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ซึ่งหากเป็นประเด็นเช่นนั้นก็จะส่งผลถึงการพิจารณาคดีฮั้วสว.อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันภารกิจใหญ่ของกกต. คือการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า จะเป็นเรื่องใหญ่ จะส่งผลต่อบ้านเมืองอย่างชัดเจน ดังนั้นก็ต้องทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องอย่าทำให้กลายเป็นข้อท้วงติง"
พล.ต.ท.คำรบ กล่าว และว่า ขอให้ กกต.ตอบคำถามเรื่องนี้ รวมถึงตอบคำถาม เรื่องที่คณะสว. สำรองมายื่นครั้งที่แล้ว เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดผู้กลับคำให้การและผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานทำให้เกิดการกลับคำให้การด้วย


