xs
xsm
sm
md
lg

"ชยิกา" สะท้อนปัญหาความรุนแรงต่อสตรีในประเทศไทยและทั่วโลก ชี้ต้องสร้างกฎหมายบังคับใช้ให้เข้มแข็ง ครอบคลุมความรุนแรงทุกรูปแบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ชยิกา" ระบุวันยุติความรุนแรงต่อสตรี สะท้อนปัญหาในประเทศไทยและทั่วโลก ชี้ต้องสร้างกฎหมาย บังคับใช้ให้เข้มแข็ง ครอบคลุมความรุนแรงทุกรูปแบบ เพิ่มบทลงโทษและมาตรฐานการสืบสวนสอบสวน เผยเล็งเสนอนโยบายลดอุปสรรคสตรี


นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) ว่า ในฐานะพลเมืองผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ทุกเพศสภาพ ตนเชื่ออย่างลึกซึ้งว่า ความรุนแรงต่อผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร แต่เป็นอุปสรรคทางสังคมที่ต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเป็นระบบ เพราะอุปสรรคนี้ ทำลายศักยภาพของผู้หญิง และบั่นทอนความมั่นคงของสังคมโดยรวม


นางสาวชยิกา ยังเห็นว่า วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลนี้ ยังเป็นวันที่ย้ำเตือนว่า ปัญหาความรุนแรงยังคงเป็นความจริงสำหรับผู้หญิงจำนวนมากในประเทศไทยและทั่วโลก เพราะ “World Data Atlas – Thailand: rape rate” ระบุว่า อัตราการข่มขืนในไทยในปี 2015 อยู่ที่ 2.1 รายต่อประชากร 100,000 คน และในระดับครัวเรือน ปี 2566 มีเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวจาก 1,773 เหตุการณ์ โดยมีผู้ถูกกระทำเป็นผู้หญิง 1,441 ราย หรือ 81% รวมถึง 24% ของผู้หญิงอายุ 15–49 ปี เคยประสบความรุนแรงจากคู่รักในช่วงปี 2000–2018 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สะท้อนความจริงเชิงโครงสร้างว่า ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นปัญหาสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และต้องได้รับการจัดการในทุกระดับ ตั้งแต่กฎหมาย วัฒนธรรม ไปจนถึงระบบบริการของรัฐ ซึ่งข้อมูลยังไม่นับรวมถึงความรุนแรงในรูปแบบใหม่ เช่น ความรุนแรงทางสื่อดิจิทัล การค้ามนุษย์ เป็นต้น


นางสาวชยิกา ยังเห็นว่า เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ จึงขอเสนอแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ทั้งการเสริมสร้างกฎหมายและการบังคับใช้ที่เข้มแข็ง การพัฒนากฎหมายให้ครอบคลุมความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งทางกาย จิตใจ เศรษฐกิจ ทางเพศ และทางออนไลน์ การเพิ่มบทลงโทษและมาตรฐานการสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ความรุนแรงทุกรูปแบบได้รับการดำเนินคดีอย่างจริงจัง ให้ครอบคลุมถึงอดีตคู่รัก ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ให้สอดคล้องกับสังคมยุคปัจจุบัน การจัดให้มีระบบช่วยเหลือผู้เสียหาย เช่น ที่พักพิง บริการด้านจิตวิทยา และการฟื้นฟู ที่เข้าถึงง่ายและปลอดภัย รวมถึงจะต้องเปลี่ยนทัศนคติและวัฒนธรรมที่เอื้อให้เกิดความรุนแรง ทั้งการรณรงค์ในระดับชาติ และระดับพรรคการเมือง ระดับท้องถิ่น รวมถึง "มาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง" เพื่อลดมายาคติ เช่น “ความรุนแรงในครอบครัว หรือ ความรุนแรงในอดีตคู่รัก เป็นเรื่องส่วนตัว” พร้อมส่งเสริมบทบาทของผู้ชายในฐานะ “พันธมิตรทางสังคม” ที่ร่วมต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง และสร้างหลักสูตรและกิจกรรมในโรงเรียน–ชุมชน ที่ปลูกฝังค่านิยมความเท่าเทียมและการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุหเพศสภาพ รวมถึงการเคารพและรักตัวเองในเด็กและเยาวชน รวมถึงการสร้างระบบเฝ้าระวังและรายงานที่ทันสมัยและเชื่อถือได้ ทั้งการจัดตั้งระบบรับแจ้งเหตุที่ปลอดภัย เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงทุกหน่วยงาน การเก็บและเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อรองรับการออกแบบนโยบายเชิงป้องกัน และการประสานเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ชุมชน และ NGO ตลอดจน เครือข่ายภาคประชาชนที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ความช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงยังจะต้องเสริมพลังให้ผู้หญิงผู้รอดพ้น ด้วยการให้การสนับสนุนด้านอาชีพ การเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ํา และการศึกษาที่ช่วยให้ผู้หญิงกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี และการผลักดันให้ผู้หญิงมีตัวแทนในพื้นที่ตัดสินใจ ทั้งในหน่วยงานรัฐ การเมือง และสังคม เพราะ “การมีเสียงของผู้หญิง” คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันความรุนแรงในระยะยาว


นางสาวชยิกา ยังเห็นว่า ในวันสำคัญวันนี้ ยังหวังว่าจะไม่เพียงแค่ระลึกถึงความท้าทาย แต่ต้องร่วมกันลงมือทำ เพื่อให้ความรุนแรงต่อผู้หญิงลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งในแง่กฎหมาย นโยบาย และในชีวิตจริงของผู้หญิงทุกคน ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้หารือร่วมกับ สส. ตัวแทนกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง องค์กรระหว่างประเทศ และ NGO อย่างใกล้ชิด โดยจะเสนอนโยบายที่ครอบคลุมเพื่อลดอุปสรรคผู้หญิงให้สามารถพัฒนาศัพยภาพได้อย่างแท้จริงในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ซึ่งความรุนแรงต่อผู้หญิง คือปัญหาของสังคมทั้งหมด และเรามีหน้าที่ร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย เท่าเทียม และเคารพศักดิ์ศรีของผู้หญิงทุกคน








กำลังโหลดความคิดเห็น