รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบร่าง “ปฏิญญาริยาด” (Riyadh Declaration) ในที่ประชุมสมัยสามัญ UNIDO GC-21 ยืนยันไทยสนับสนุนพัฒนาอุตสาหกรรมยั่งยืน – ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานโปร่งใส – เร่งพลังงานสะอาด – มุ่งยกระดับบทบาทประเทศกำลังพัฒนา
วันที่ (25 พฤศจิกายน 2568) นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและ เห็นชอบร่างปฏิญญาริยาด (Riyadh Declaration) ซึ่งจะประกาศรับรองในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 21 ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ระหว่างวันที่ 23–27 พฤศจิกายน 2568 ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงอุตสาหกรรม ได้พิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอเข้าสู่ ครม. โดยเป็นเอกสารด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยควรรับรองตามกรอบการประชุม UNIDO และเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
สาระสำคัญของร่างปฏิญญาริยาด
ร่างปฏิญญาฯ ยืนยันวิสัยทัศน์ร่วมของประเทศสมาชิกในการผลักดัน "การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุมและยั่งยืน" พร้อมรับมือความท้าทายสำคัญ ได้แก่
• ภูมิรัฐศาสตร์ที่ผันผวน
• การขาดแคลนทรัพยากร
• ภาวะโลกร้อน และความสูญเสียจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• ผลกระทบห่วงโซ่อุปทานหลังโควิด-19
โดยเน้น 3 ประเด็นหลัก
1.ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่ “โปร่งใส–เป็นธรรม–ยั่งยืน”
2.ใช้นวัตกรรมลดความหิวโหยและเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจท้องถิ่น
3.เร่งพลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ ปฏิญญาฯ ยังเน้นบทบาทสำคัญของ สตรีในภาคอุตสาหกรรม ความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในปี 2050 และการสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกจัดสรรงบประมาณช่วยขับเคลื่อนภารกิจของ UNIDO อย่างเพียงพอ ประโยชน์ต่อประเทศไทย
รองโฆษกฯ ระบุว่า การร่วมรับรองปฏิญญาฯ ครั้งนี้สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะประเทศสมาชิก UNIDO ที่ให้ความสำคัญต่อ
• การยกระดับอุตสาหกรรมไทย
• การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• การสนับสนุน SDGs ภายใต้วาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ. 2030
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมทำงานร่วมกับนานาชาติและหน่วยงานของ UNIDO เพื่อให้ไทยเดินหน้าไปสู่ “อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน – การผลิตที่แข่งขันได้ – การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ”
และเสริมบทบาทไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก


