xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ศก.จ่อเชื่อมระบบร้านคนละครึ่งพลัส ใช้ได้กับบัตรสวัสดิการฯ เฟส 2 แย้มเข้าครม.ก่อน 12 ธ.ค.อุบกี่บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครม.เศรษฐกิจ เตรียมเชื่อมระบบร้านค้าโครงการคนละครึ่งพลัส ใช้ได้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่โฆษกรัฐบาล เผยคนครึ่งละครึ่งเฟส 2 เดินหน้าต่อ แย้มเข้า ครม. ก่อน 12 ธ.ค. อุบตัวเลขเข้าเป๋าตังค์กี่บาท


วันนี้ (24พ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมว่า การเดินทางกระตุ้นเศรษฐกิจเดินทางมาถึง 4 เสาหลักแล้ว มีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดย เห็นจากโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน การลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ซึ่งข้อมูลมาถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสมีร้านค้าเข้าร่วม แล้วทั้งสิ้น 968,692 ร้านค้า มีผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัสครบวงเงินแล้ว 1,650,214 คน มีเงินหมุนเวียนในระบบทั้งสิ้น 54,132 ล้านบาท และสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการ Kick Off โครงการ up Skill reskill จนถึงปัจจุบันมีร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 57,784 ร้านค้า ถือว่าโครงการได้รับผลตอบรับอย่างดี

สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจในวันนี้เป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่ได้มี การเห็นชอบตามโครงการ Quick big win เป็นเสาหลักที่ 5 ในเรื่องการลงทุน เพื่ออนาคต และเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชนสู่ประชาชน และเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ ประชุมได้หารือกันถึงโครงการคนละครึ่งพัดที่มี ร้านค้าเข้าร่วมมากกว่า 9 แสนร้านค้า จึงเห็นว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่ง มีข้อจำกัดร้านค้าน้อย คณะกรรมการจึงเห็นชอบให้นำร้านค้าผู้เข้าโครงการคนละครึ่งพลัส ต่อไปจะสามารถเชื่อมโยงกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ซึ่งร้านค้าในโครงการคนละครึ่งจะสามารถขายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ โดยทางรัฐบาลจะจัดทำระบบ ดังนั้นมาตรการที่รัฐบาลได้ช่วยร้านค้าจะทำให้เกิดความยั่งยืน รายได้ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงเป็นหัวใจสำคัญ

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังเห็นชอบเสาหลักที่ 5 ในการเตรียมความพร้อม การลงทุนในอนาคต โดยขณะนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ มีเงินลงทุนที่อนุมัติไว้แล้วจำนวนมากหรือวงเงินประมาณ 2 ล้านล้านบาท และไม่ได้เกิดการลงทุนจริง จึงได้มีการบูรณาการหลายหน่วยงาน ทำงานร่วมกันและเห็นว่าโครงการมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้าน มีเพียงแค่ 80 โครงการ เม็ดเงินถึง 48 หมื่นล้านบาท ถือว่าพร้อมลงทุน แต่ยังติดเรื่องกระบวนการขออนุญาต วันนี้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจหรือคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นชอบโครงการ ที่เชื่อว่า Thailand Fast Plus ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคข้อจำกัด และปลดล็อคการลงทุนของบีโอไอ เพื่อผลักดันเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ และเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน และนอกจากโครงการ Thailand Fast Plus แล้วจะมีการแก้ไขกฎหมาย หรือที่เรียกว่ากิโยตีน กฎหมาย ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเป็นประธาน เพื่อแก้กฎหมายที่ล้าสมัยและเป็นต้นตอ แห่งความล่าช้า ก็จะถูกนำไปปลดล็อค ถือเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นได้ผลยาวและกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการเตรียมเพิ่มทักษะแรงงาน ในด้าน AI และใช้ดิจิทัลในการขายของ แนะนำ AI มาใช้ประกอบวิชาชีพ โดยจะมีการเพิ่มทักษะขั้นสูง จับมือกับภาคเอกชน จัดหลักสูตรระยะสั้น ซึ่งบีโอไอ จะใช้เงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมาพัฒนาหลักสูตรเรียนระยะสั้น วางเป้าหมาย 1 แสนคน วงเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อทำให้คนไทยเก่งขึ้น และเตรียมพร้อม กับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย และจะเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานที่ไม่มีทักษะดังกล่าว จึงจำเป็นจะต้องเสริมสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ ถือว่าไม่ได้ใช้งบประมาณใหม่แต่เป็นงบประมาณที่มีอยู่แล้ว และถือเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้วงเงิน กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน SME หันมาใช้ออโตเมชั่น หรือการทำวิจัยพัฒนา ให้กับผู้ประกอบการไทยสามารถมาใช้ระบบอัตโนมัติ และจับมือกับสมาคมธนาคารไทยมีการให้สินเชื่ออีกด้วย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 1.5 ที่มีการ upskill reskill ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ลงทะเบียนเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังอยากเชิญชวนพ่อค้า แม่ค้า ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งพลัส เร่งเข้าร่วมโครงการนี้มากขึ้น เพราะระยะเวลาที่จะได้สิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ 19 พ.ย.-19 ธ.ค.68 หากเข้าร่วมโครงการช้า โอกาสจะได้รับสิทธิประโยชน์น้อยลง ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนมาแล้ว 6 หมื่นคน เป็นการยืนยันว่า การ upskill reskill ไม่ใช่เรื่องยากเลย

ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า สำหรับพ่อค้า แม่ค้า ที่มีการ upskill reskill จะได้เงิน 20% ของยอดขายในส่วนที่รัฐอุดหนุน ซึ่งสะสมไปเรื่อยๆ สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะได้รับในวันที่ 25 ธ.ค.

อย่างไรก็ตาม นายสิริพงศ์ ยืนยันเดินหน้า โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 อยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณที่จะนำมาใช้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่า จะได้วงเงินคนละเท่าไร คิดว่า น่าจะทันเสนอเข้าครม.ก่อนวันที่ 12 ธ.ค.นี้

“กำลังดูเงินตัวไหนที่จะมาใช้กระตุ้นได้ เนื่องจากตอนนี้มีเรื่องภัยพิบัติเข้ามาแทรกด้วย ต้องมีเงินกันไว้ช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติด้วย คือ ต้องไปพร้อมๆกัน”นายสิริพงศ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น