“สว.ภิญญาพัชญ์” สะเทือนใจ! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ความอ่อนต่อโลกของเด็ก หลอกเหยื่อวัย 19 ปี ทุบตู้เซฟแม่ สูญ 10 ล้าน แนะรัฐบาลเร่งทลายฐานแก๊งข้ามชาติ ยกระดับมาตรการเยียวยาเหยื่อด่วน
วันนี้ (23 พ.ย. 2568) น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เด็กวัย 19 ปี ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกหลอกให้ทุบตู้เซฟของแม่แล้วเอาไปให้ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินรวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ว่า เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ตนรู้สึกสงสารจับใจ และเป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่า อาชญากรรมไซเบอร์ได้ก้าวข้ามไปสู่ระดับที่สร้างความเสียหายทางจิตใจและทรัพย์สินอย่างมหาศาลต่อประชาชนแล้ว กรณีนี้ น้องอายุเพียง 19 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและกล่าวหาว่าเขาพัวพันกับคดีฟอกเงิน แก๊งมิจฉาชีพได้ใช้วิธีที่โหดเหี้ยมและควบคุมจิตใจเหยื่ออย่างที่สุด ด้วยการบังคับวิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง โดยขู่ว่าหากวิดีโอคอลหลุด จะถูกดำเนินคดีทันที การควบคุมที่กดดันนี้ ทำให้น้องเกิดความหวาดกลัวอย่างรุนแรง และเชื่อตามคำสั่งของแก๊งคนร้ายที่สั่งให้เขาไปทุบตู้เซฟของแม่ ขนทรัพย์สินออกมาทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย ทองคำแท่ง สร้อยคอ และกำไรฝังเพชร รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
ตนมองว่ามิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้เลือกเหยื่อและใช้กลยุทธ์ได้อย่างแยบยล โดยอาศัยความอ่อนต่อโลกและความกลัวกฎหมายของเยาวชนมาเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงและทำลายทรัพย์สินของครอบครัว ด้วยความหวาดกลัวว่าตนเองและแม่จะถูกดำเนินคดี น้องที่อดทนผ่านช่วงเวลาที่ถูกคุกคามตลอด 24 ชั่วโมงมาได้จนถึงที่สุด
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ระบุว่า ตนมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่รุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งยกระดับมาตรการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเร่งด่วน โดยขอให้ประสานงานระหว่างประเทศ เพื่อทลายฐานที่ตั้งของแก๊งเหล่านี้อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มการป้องกันเชิงรุก โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับกลโกงใหม่ ๆ เช่น วิธีการวิดีโอคอลควบคุม 24 ชั่วโมง และสุดท้ายคือการเร่งจัดตั้งกลไกช่วยเหลือทั้งทางกฎหมายและจิตวิทยา เพื่อเยียวยาเหยื่อและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากภัยร้ายนี้อย่างเป็นรูปธรรม
"ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวน้อง และขอให้รัฐบาลรับเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน เราต้องปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนจากการคุกคามของมิจฉาชีพเหล่านี้ให้ได้" น.ส. ภิญญาพัชญ์ กล่าวทิ้งท้าย


