รมว.เกษตรฯ ลุยขอนแก่น ฟังปัญหาถึงพื้นที่ เร่งคืนสิทธิที่ดิน ช่วยดันราคาพืชผล-หยุดกดราคารับซื้อ สั่งคุมเข้มลักลอบนำเข้า ช่วยเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปากได้ พร้อมดันซอฟต์พาวเวอร์ “หมอลำอีสาน 20 จังหวัด“กระตุ้น ศก.ท่องเที่ยว
วันที่ (19 พ.ย. 2568) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง,นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ,นายภูผา ลิกค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ วัดนามูลพุทธาวาส ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจราชการ ติดตามสถานการณ์ด้านการเกษตร โดยมี สส.พรรคกล้าธรรม อาทิ นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด, นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ ,นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น ,นายวัฒนา ช่างเหลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ส่วนราชการในพื้นที่ และประชาชนให้การต้อนรับ
โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้มอบนโยบายสำคัญแก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในพื้นที่ ต.คุฒสา อ.กระนวน โดยเน้นย้ำการเร่งรัดการจัดที่ดินทำกิน และแนวทางการจัดที่ดินนิคมสหกรณ์ดงมูลเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล,นโยบายยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง แนวทางการพัฒนาและผลักดันทุเรียนดูนสาดสู่การส่งออก รวมถึงนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบ และติดตามความคืบหน้าการขุดลอกพัฒนาแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำคลองชัย หมู่ที่ 8 ต.ดูนสาด พร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินและปัจจัยการผลิต,เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีให้แก่ตัวแทนเกษตรกร และรับฟังข้อเสนอจากกลุ่มเกษตรกร
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ มุ่งแก้ปัญหาน้ำ พัฒนาที่ดินทำกิน เพิ่มศักยภาพเกษตรกร และผลักดันการพัฒนาภาคเกษตรตามนโยบายรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนใน 13 นิคม 14 ป่า 17 สหกรณ์ 12 จังหวัด 4 ภาค ที่ประชาชนเรียกร้องมาอย่างยาวนาน โดยชี้แจงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งกำหนดให้สมาชิกนิคมมีสิทธิทำกินไม่เกินครอบครัวละ 50 ไร่ และสามารถออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์และพัฒนาไปสู่การออกโฉนดที่ดินได้ หากมีการปฏิบัติตามขั้นตอนและชำระหนี้ครบถ้วน โดยได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และประสานกรมป่าไม้เร่งพิจารณาร่างกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ และจัดสรรให้ประชาชนตามกฎหมายโดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายหลัก พร้อมย้ำว่าปัญหานี้ยืดเยื้อมาหลายรัฐบาล และรัฐบาลชุดนี้มุ่งมั่นเดินหน้าให้เกิดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
“ผมสั่งการให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไปหารือกับอธิบดีกรมป่าไม้ จะเร่งกำหนดแนวทางเบื้องต้น โดยยึดหลักการจัดที่ดินให้ประชาชนไม่เกิน 50 ไร่ต่อครอบครัว พร้อมจัดทำเอกสารสิทธิ์ตามขั้นตอน เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ป่ารกร้างที่อยู่อาศัยมานานหลายชั่วอายุคน ได้รับเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาภาคการเกษตรของจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ผมจะไปคุยกับท่านรองนายกสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งกำกับดูแลเรื่องนี้แล้วจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวให้มันเกิดประโยชน์อย่างที่เราคุยกันวันนี้“ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ในประเด็นราคาพืชผล ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ราคาข้าวหอมมะลิขณะนี้ขยับขึ้นอยู่ที่ตันละ 13,800 บาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณดี แต่ปัญหาใหญ่ของภาคอีสานคือราคาข้าวเหนียวที่ยังไม่สอดคล้องกับต้นทุน โดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ และผู้เกี่ยวข้องประสานโรงสีให้รับซื้อข้าวเหนียวจากชาวนาโดยตรง ห้ามกดราคา ห้ามเอาเปรียบ พร้อมตั้งระบบติดตามราคาแบบวันต่อวันเพื่อไม่ให้พ่อค้าคนกลางกดราคาในพื้นที่
รองนายกฯ ธรรมนัส ยังกล่าวต่อถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง และผลไม้ต่าง ๆ เช่น ทุเรีนน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาตกต่ำ โดยตนได้มอบให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นำทีมเฉพาะกิจพญานาคราช ตรวจจับอย่างเข้มงวด ดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มลักลอบนำเข้า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรในประเทศ
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการตรวจราชการ แต่คือการรับฟังเสียงประชาชนถึงพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด และผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้ตั้งใจทำงานจริง ไม่ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อเหมือนที่ผ่านมา ผมมาแล้วทำเลย ไม่ใช่แค่ฟังแล้วกลับไปเฉย ๆ ทุกอย่างที่พี่น้องสะท้อน จะถูกนำไปแก้ไขให้เห็นผลจริง ทั้งเรื่องที่ดิน น้ำ ราคาพืชผล และการหยุดการเอาเปรียบเกษตรกร รัฐบาลนี้จะยืนเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง” รองนายกฯ ธรรมนัสกล่าว
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึงการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในภาคอีสาน โดยระบุว่า จะสั่งการไปยัง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อผลักดันการจัดประกวด หมอลำแห่งภาคอีสาน 20 จังหวัด พร้อมสนับสนุนให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ประจำภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น


