นักวิชาการ ชี้ สูตร 20 หยิบ 1 ไม่ลดเสียงผูกขาดจริง เสี่ยง ส.ว.–พรรครบ.รวมเสียงคุมผู้ร่างรธน.เกินครึ่ง จี้อย่าเขียนเช็กเปล่าให้รับ ไม่การันตีรธน.ดี แต่หัวใจคือมีส่วนร่วม โปร่งใสในการตรวจสอบทุกขั้นตอน
วันนี้ (19พ.ย.) น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สูตร 20 หยิบ 1 แม้ช่วยลดการผูกขาดของเสียงข้างมากระดับหนึ่ง แต่ยังไม่อาจรับประกันได้ว่าการครอบงำทางการเมืองจะหายไปจริง พร้อมเตือนว่ากลไกนี้จะเห็นผลชัดเจนได้ต่อเมื่อถึงการเลือกตั้งรอบหน้า โดยยกตัวอย่างว่า ส.ว.มี 200 คน จะสามารถหยิบเลือกผู้ยกร่างได้ 10 คนจาก 35 คน ขณะที่พรรคการเมืองอาจรวมเสียงกันได้ 200 คน และหยิบได้อีก 10 คน ซึ่งรวมแล้วอาจได้ถึง 20 คนจาก 35 คน นำไปสู่ความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาดอำนาจกำหนดเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
น.ส.สิริพรรณย้ำว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องเป็นหัวใจสำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภาต้องทำให้ชัดว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเลือก ส.ส. จึงควรสัมพันธ์กับกระบวนการเลือกคณะผู้ยกร่าง เพื่อให้การมีส่วนร่วมเกิดขึ้นจริงและประเด็นที่ประชาชนต้องการเห็นการแก้ไขถูกสะท้อนลงไปในเนื้อหา
น.ส.สิริพรรณ ระบุด้วยว่า ก่อนทำประชามติ ต้องทำให้ประชาชนเห็น หน้าตารัฐธรรมนูญใหม่อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่การ ตีเช็กเปล่า พร้อมเตือนว่าบัตรประสงค์ไม่ลงคะแนนอาจสูง เนื่องจากประชาชนไม่เชื่อมั่นระบบการเมืองปัจจุบัน ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคเสียงข้างมากถึงจะได้เป็นรัฐบาล เธอยังแสดงความกังวลต่อเงื่อนเวลา หากรัฐสภายุบก่อน 31 ม.ค. 2569 อาจทำให้การผ่านวาระสามไม่ทัน พร้อมเสนอให้รัฐบาลประกาศคำถามประชามติข้อแรกว่าด้วยการเห็นชอบจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ แม้คำถามที่สองจะยังไม่สามารถทำได้ก็ตาม หากไม่ทันวาระสาม อาจต้องใช้วิธะแก้ไขรายมาตราแทน
ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส.ว. และโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สูตร 20 หยิบ 1 ไม่ได้การันตีว่าจะนำไปสู่รัฐธรรมนูญที่ดี แต่เป็นแนวทางที่พยายามลดการครอบงำจากเสียงข้างมากในรัฐสภา โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจไม่มีพรรคใดได้เกิน 200 ที่นั่ง พร้อมเสนอให้มีการถ่ายทอดสดทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญทำงานอย่างโปร่งใส และประชาชนตรวจสอบได้ตลอด
อย่างไรก็ตาม น.ส.สิริพรรณ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากตัวเลขการลงมติของ ส.ว. ที่เคยโหวตรับร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย 167 คน ส.ว.กลุ่มนี้อาจเลือกผู้ยกร่างได้ถึง 8 คน ขณะที่กลุ่มอื่นอาจหยิบได้อีก 2 คน เมื่อรวมกับพรรคการเมืองที่อาจรวมเสียงได้ 200 คน ก็จะได้รวมกันถึง 20 คนจาก 35 คน และหากมารวมกันอาจได้ถึง 28 คน เกินครึ่งของคณะผู้ยกร่าง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลและจำเป็นต้องทบทวนสูตรนี้อีกครั้ง เพื่อป้องกันการผูกขาดและทำให้รัฐธรรมนูญใหม่มีความเป็นกลาง โปร่งใส และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน นายอภินพ อติพิบูลย์สิน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตว่า สูตร 20 หยิบ 1 อาจสุ่มเสี่ยงต่อการที่นักการเมืองเลือกบุคคลใกล้ชิดกันเอง ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญยังคงอยู่ในกรอบการเมืองแบบเดิม จนยากต่อการเปลี่ยนแปลงในประเด็นสำคัญ เขาระบุว่าแม้จะออกแบบสูตรอย่างไร แต่สิ่งที่ทำให้ระบบพ้นจากภาวะดังกล่าวได้คือ การเรียกร้องกดดันจากประชาชน ซึ่งจะทำให้รัฐสภาต้องเลือกบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือหรือเป็นกลางมากขึ้น
นายอภินพชี้ว่าการให้รัฐสภาเป็นทั้งผู้คัดเลือกคณะผู้ยกร่าง และเป็นผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุด อาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการตรวจสอบและถ่วงดุล อีกทั้งกระบวนการทำประชามติก็อาจถูกบิดเบือนได้ หากมีการหยิบยกประเด็นอ่อนไหว เช่น ทรยศชาติ มากระตุ้นสังคม จนอาจทำให้ประชาชนแตกแยก เขาจึงเสนอว่าหากจะทำประชามติ ควรกำหนด ประเด็นให้ชัด เช่น คำถามพ่วงว่าต้องรีเซ็ตรัฐสภาทั้งชุดทั้ง ส.ส. และ ส.ว. หากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้การปฏิรูปเป็นไปอย่างสมบูรณ์


