xs
xsm
sm
md
lg

สสส.หนุน เครือข่ายงดเหล้านครพนม เปิดตัวกิจกรรม “ครอบครัวปลูกพลังบวก–นาทมโมเดล” พื้นที่ต้นแบบภาคอีสาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สสส.- เครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดนครพนม ร่วมกับ อบต.หนองซน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคำแม่นาง ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคอีสานตอนบน เปิดตัวกิจกรรม “ครอบครัวปลูกพลังบวก–นาทมโมเดล” พื้นที่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศ ภายใต้โครงการปลูกพลังบวก เพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า-บุหรี่) สู่สภาวะที่ดีของเด็กปฐมวัย โดยมีพิธีลงนามปฏิญญาความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองทั้ง 16 ครอบครัว ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคำแม่นาง และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดนครพนม โดยมี นายเกษม สมสู่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองซน รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นและภาคีระดับจังหวัดร่วมเป็นสักขีพยาน

นางสาวจริญญา ไทยแท้ รองประธานคณะทำงานภาคอีสาน โครงการปลูกพลังบวกฯ กล่าวว่า โครงการปลูกพลังบวกมุ่งสร้างทักษะชีวิตและภูมิคุ้มกันให้เด็กปฐมวัยจากปัจจัยเสี่ยง พร้อมพัฒนาศักยภาพครู ผู้ปกครอง และชุมชน ผ่านการพัฒนากิจกรรม นวัตกรรมสื่อ และการศึกษาวิจัย เพื่อให้เด็กมีทักษะสำคัญ เช่น การเห็นคุณค่าตนเอง การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การจัดการอารมณ์ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถตัดสินใจและแยกแยะสิ่งที่เหมาะสมได้เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง ทั้งนี้ สคล.นครพนม ได้จัดการอบรมครูและผู้ดูแลเด็กจำนวน 2 รุ่น ก่อนต่อยอดสู่กิจกรรม “ครอบครัวปลูกพลังบวก”

นายชลกานต์ วงศ์เข็มมา ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2568 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านการลดปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่–บุหรี่ไฟฟ้า และสิ่งเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนจังหวัดนครพนม เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กและเยาวชน ครอบคลุมเด็กเล็กจนถึงเด็กโต ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของครัวเรือนและพฤติกรรมการดื่ม–สูบ ของสมาชิก ผู้เข้าร่วมโครงการพบว่า เด็กกว่าส่วนใหญ่กว่า 90% เติบโตในครอบครัวขยาย ทำให้มีโอกาสพบเห็นพฤติกรรมของผู้ใหญ่หลายคนในบ้าน แม้ไม่ได้ถูกชักชวนโดยตรง แต่ยังพบการ “ดื่มหรือสูบให้เด็กเห็น” เป็นจำนวนมากผู้ปกครองบางส่วนรู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจพฤติกรรมลูกหลานไม่เพียงพอ และต้องการทักษะในการรับมือ ข้อมูลดังกล่าว จึงนำไปสู่การออกแบบกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น

นายชลกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังการลงนาม ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมความรู้ให้ผู้ปกครองที่เข้าร่วม เข้าใจพัฒนาการเด็กแต่ละวัย และการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนทักษะการเรียนรู้ เพื่อให้ครอบครัวสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเกื้อหนุนให้เด็กเติบโตอย่างเหมาะสม

ในขณะที่ น.ส.ฐิตาภัสร์ ฉัตรสิริชัยวุฒิ นักจิตวิทยาและนักวิชาการโครงการปลูกพลังบวกฯ กล่าวว่า การจัดกระบวนการอบรมให้ครู ผู้ดูแลเด็ก และผู้ปกครองตลอด 2 เดือน มุ่งสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อร่วมกันสร้างบ้านปลอดเหล้า–บุหรี่ และลดพฤติกรรมเสี่ยงในครัวเรือน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเพื่อให้เด็กมีสุขภาวะที่ดี ทั้งนี้เป็นองค์ความรู้ที่สอดรับ กับนโยบายพัฒนาปฐมวัยชาติ “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” การบูรณาการพัฒนาการทางสมอง (EF) การเสริมสร้างทักษะชีวิต และการสื่อสารเชิงบวก โดยจะมีการบันทึกภารกิจร่วมกันระหว่างเด็กและผู้ปกครอง มีรูปแบบของการเก็บคะแนน ผ่านการปรับเปลี่ยนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ปกครอง อีกทั้งเป็นการเพิ่มเวลาคุณภาพในการดูแลเด็ก เช่นการลดละการดื่มการสูบ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ดื่มไม่สูบให้เด็กเห็น ชวนลูกทำกิจกรรมสร้างสรรค์ รับประทานอาหารร่วมกัน ชวนเล่น เล่านิทาน ทำงานบ้าน ฯลฯ

ทางด้าน นางสาวณัฐชญา ค่ายสูงเนิน อายุ 47 ปี ครูผู้สอน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านแม่นาง ระบุว่า โครงการ “ครอบครัวปลูกพลังบวก” มีครอบครัวเข้าร่วม 16 ครอบครัว โดยดำเนินงานต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน (ระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 68) โดยมุ่งให้ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยร่วมกันปรับพฤติกรรม ลดปัจจัยเสี่ยง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาวะของเด็ก

คุณครูให้ข้อมูลว่า ผู้ปกครองที่ร่วมโครงการฯ มีความตั้งใจ ใส่ใจอย่างมาก ทุกครอบครัวทำกิจกรรมรายวันตามแบบฟอร์ม 10 ข้อ เช่น รับประทานอาหารร่วมกันวันละ 1 ครั้ง พูดคุยเรื่องปัจจัยเสี่ยงเหล้า–บุหรี่ และอ่านหนังสือสอนเด็กก่อนนอน เด็กจะนำสิ่งที่เรียนรู้มาเล่าให้ครูฟัง ซึ่งครูจะเสริมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลเสียของเหล้า–บุหรี่ และแนวทางการเป็นเด็กดี

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสอนเด็กเรื่องการออม โดยให้กระปุกออมสินกลับบ้านไป พร้อมชุดความรู้ให้เด็กขอให้พ่อแม่หยอดเงินออมแทนการดื่มเหล้าหรือหากผู้ปกครองบอกว่าอยากดื่มช่วยให้หายเหนื่อยครูสอนให้เด็กตอบด้วยพฤติกรรมเชิงบวก เช่น หาน้ำให้, กอด, บีบนวด หรือแนะนำให้ผู้ปกครองเลือกดื่มนมหรือน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

ในเวทีอบรมครั้งนี้ นางพัดนัดดา ลอวันไช ผู้ปกครองของน้องชญาภา วัย 3 ขวบ เล่าว่า ปกติครอบครัวเราเคยดื่มเป็นประจำ แต่เมื่อลูกพูดเตือนทุกวัน ลูกกอด หอมแก้ม ทำให้ตนตัดสินใจเลิกดื่มได้สำเร็จ “เสียงเจื้อยแจ้วของลูก ทำให้แม่เปลี่ยนตัวเองได้ ตัดสินใจเลิกดื่มตลอดชีวิต”

จากการดำเนินงานในโครงการฯ ผ่านกระบวนการเหล่านี้ เชื่อว่า “ลูก” สามารถเป็นพลังเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นแรงบันดาลใจให้คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลูกได้จริงๆ




กำลังโหลดความคิดเห็น