xs
xsm
sm
md
lg

"ไอซ์" ช่วยตอบที เงินบริจาคคนอื่น ตรวจกันถึง ดีเอ็นเอ แต่เงินบริจาคพรรคประชาชน เงียบไปไหม !? ** ขั้วน้ำเงินตีธงถอย ปล่อย “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” นั่งประธาน กกต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รักชนก ศรีนอก - ณรงค์ กลั่นวารินทร์
ข่าวปนคน คนปนข่าว




++ "ไอซ์" ช่วยตอบที เงินบริจาคคนอื่น ตรวจกันถึง ดีเอ็นเอ แต่เงินบริจาคพรรคประชาชน เงียบไปไหม !?

ไม่ว่าพรรคการเมืองที่อวดอ้างเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ จะใช้ชื่ออะไร “อนาคตใหม่” “ก้าวไกล” และ “ประชาชน” ก็ยังรักษามาตรฐานต่ำไว้ได้เหมือนเดิม

อะไรที่เคยด่าว่าใครต่อใคร สุดท้ายคนในพรรคตัวเองก็กลับทำเช่นกัน ไม่ว่าจะหนีภาษี ค้าของเถื่อน ลักทรัพย์ เมาแล้วขับ ทำร้ายร่างกาย คุกคามทางเพศ และคดีอื่นๆ หนำซ้ำ บรรดาสส.ในพรรค กลับเงียบเป็นอมสากกันหมด

แต่ภาพจำที่ "พรรคสีส้ม" พยายามเคลมมาตลอดก็คือ การออกมาแฉใครต่อใคร ว่าทุจริต ไม่โปร่งใส ไม่เปิดเผยให้สังคมตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่อง "เงินบริจาค" ของพี่น้องประชาชน ผู้อยากสนับสนุนกองทัพรับมือกับทัพลูกสมุน ฮุน เซน ผ่านมูลนิธิ กันจอมพลังช่วยสู้ ซึ่ง "ไอซ์ รักชนก ศรีนอก" สส.พรรคประชาชน ก็เล่นงาน "กัน จอมพลัง" จนเสียศูนย์ไปหลายวัน สุดท้าย "กัน จอมพลัง" ก็ได้แจกแจงบัญชีรายการต่างๆ ออกมาให้สังคมได้รับทราบ

แต่ใครจะรู้บ้างว่า พรรคคนรุ่นใหม่ ก็ใช้ทริกในการเล่นแร่แปรธาตุ เงินบริจาคของพรรค มาตั้งแต่เป็น พรรคก้าวไกลแล้ว ด้วยการให้ สส.ในพรรคบริจาคเงินคนละ 15,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน !

แล้วก็เอาตัวเลขบริจาค มาสร้างภาพโอ้อวดว่า มีคนสนับสนุนพรรคเป็นเงินมากมาย

ลำพังเงินบริจาคเดือนละหมื่นห้า ไม่ได้มากมายอะไรก็จริง แต่แว่วมาว่าพรรคก้าวไกล จะมีสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ที่ร่ำรวยระดับร้อยล้าน คอยบริจาคเงิน เดือนละ 2 ล้านบ้าง 3 ล้านบ้าง เป็นประจำ

ปัจจุบันคนๆ นี้เป็นถึงกรรมการบริหารพรรคประชาชน ชื่อ "พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์"

แต่ที่ผิดสังเกต เข้าข่ายไม่โปร่งใสในการบริจาค ก็คือ สส.บางคน เช่น "ทิม" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เอย ,"เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เอย และ “นางสาวรักชนก” เคยว่างเว้นจากการบริจาคเงินให้พรรคหลายเดือนติดต่อกัน เพราะไม่มีชื่อปรากฏในบัญชีผู้บริจาคเหมือน เพื่อนๆ ในพรรค

แต่หลังจากนั้น กลับมียอดบริจาคของคนเหล่านี้ เข้ามาในหลักหลายแสนบาท จึงเป็นเรื่องที่สังคมมีสิทธิตั้งคำถามว่า เอาเงินมาจากไหน !?

ชี้แจงที่มาที่ไปของเงินบริจาคหลายแสนบาท ได้หรือไม่ ?

โอนจากบัญชีเงินเดือนตัวเอง หรือบัญชีส่วนตัว หรือเอาเงินสดจากแหล่งไหนมาหรือเปล่า ?

ตัวอย่างเช่น ยอดเงินบริจาคของพรรคประชาชน ในเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา มียอดรวมประมาณ 1 ล้านบาท

แต่พบว่า เป็นยอดบริจาคของ "ไอซ์ รักชนก" จำนวน 203,000 บาท ขณะที่คนอื่นๆบริจาคกัน 5 พัน , หนึ่งหมื่น หรือหมื่นห้าพันบาท , เรื่องแบบนี้ ประชาชนทั่วไปหรือแม้แต่ "กัน จอมพลัง" ก็มีสิทธิที่จะอยากรู้ พรรคที่กำลังสร้างภาพมือปราบทุจริต ก็ควรให้ "ไอซ์" ชี้แจงที่มาของเงินบริจาค ว่าเอามาจากไหน ?

ที่สำคัญ โชว์ Bank statement ตั้งแต่เป็น สส.ด้วย เนื่องจากตรวจสอบคนอื่นมาตลอด “ไอซ์”จึงต้องถูกตรวจสอบได้เช่นกัน
หากไม่แสดงชี้แจง สังคมจะถือว่า “ว่าแต่เขา ส้มเน่าเป็นเอง” นะจ๊ะ!

ณรงค์ กลั่นวารินทร์
++ ขั้วน้ำเงินตีธงถอย ปล่อย “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” นั่งประธาน กกต.

ผลการประชุมกกต. เพื่อเลือกประธานกกต.คนใหม่ เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย โดย “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ได้รับเลือกจาก กกต.ทั้ง 87 คน ด้วยคะแนน 4-3

ช่วงก่อนที่จะมีการเลือกนั้น เป็นที่รับรู้กันว่า มี “แคนดิเดต” ที่จะชิงตำแหน่งประธาน กกต. อยู่ 3 คน คือ “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ- ณรงค์ กลั่นวารินทร์ และ ณรงค์ รักร้อย”

“สิทธิโชติ อินทรวิเศษ” มีดีกรี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา มีความสนิทสนมกับ “พิชิต ชื่นบาน” หรือ ทนายถุงขนม จึงถูกมองว่าเป็นคนในสาย “สีแดง”

ส่วน “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” เป็น กกต.ที่ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มาดำรงตำแหน่งแทน นายปกรณ์ มหรรณพ ที่หมดวาระ โดยเข้าดำรงตำแหน่ง กกต. เมื่อวันที่ 30 ส.ค.68

ขณะที่ “ณรงค์ รักร้อย” เป็นอดีตผู้ว่าฯ อุทัยธานี ที่แนบแน่นกับบ้านใหญ่อุทัยธานี “ชาดา ไทยเศรษฐ์” อดีต รมช.มหาดไทย แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย จึงถูกมองว่าเป็นคนในสาย “สีน้ำเงิน”

สิทธิโชติ อินทรวิเศษ
คาดการณ์กันว่า คู่แคนดิเดต ที่จะชิงดำ คือ “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ” ตัวแทนสีแดง กับ “ณรงค์ รักร้อย” ตัวแทนสีน้ำเงิน
นักวิเคราะห์ วิจารณ์การเมือง มองว่า ขั้วสีน้ำเงิน จะต้องสู้หมดแม็ก เพื่อให้ “ณรงค์ รักร้อย” ได้เป็นประธาน กกต. มาคุมเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2569 เพื่อบรรลุเป้าหมาย “แก้ว 3 ประการ” คือ ได้เป็นรัฐบาล คุมวุฒิสภา และคุมองค์กรอิสระ

เรื่องนี้มีการวิพากวิจารณ์กันอย่างเอิกเกริก ถึงความอหังการของ “พรรคสีน้ำเงิน” ว่าประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้อิทธิพล ภายใต้การกำหนด ของคนกลุ่มนี้โดยไม่มีทางต่อต้านเลยหรือ ?!

ช่วงเช้าก่อนการประชุมเพื่อเลือกประธาน กกต. จึงมีข่าวว่า “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ตีธงสั่งถอย ไม่เอา“ณรงค์ รักร้อย” แต่ก็ไม่ต้องการให้ “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ ” คนของขั้วสีแดง ขึ้นเป็นประธาน กกต.เช่นกัน

ผลจึงไปออกที่ “คนกลาง” คือ “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ที่ชนะด้วยเสียง 4 ต่อ 3

สำหรับ “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ปัจจุบัน อายุ 65 ปี เป็น กกต. ที่ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มาดำรงตำแหน่งแทน นายปกรณ์ มหรรณพ โดยวุฒิสภาชุด “สีน้ำเงิน” ให้ความเห็นชอบ และเข้าดำรงตำแหน่ง กกต. เมื่อวันที่ 30 ส.ค.68
ก่อนมาเป็น กกต. เคยดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา( 1ต.ค.66 - 68) , ผู้พิพากษาศาลฎีกา (1 ต.ค.64 - 30 ก.ย.66) , อธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง (1 ต.ค.62 - 30 ก.ย.64) , รองประธานศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ (1 ต.ค.61 - 30 ก.ย.62) ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (1 ต.ค.59 - 30 ก.ย.61)

มีประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือมี กกต. 2 คน “เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กับ ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ” จะครบวาระการเป็น กกต.ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติ และมีความจำนง จะเป็นกกต. และได้ปิดการรับสมัครไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนเสนอที่ประชุมวุฒิสภาให้การรับรอง

ณรงค์ รักร้อย
จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายว่า กกต.ใหม่ 2 คน ที่จะผ่านด่านวุฒิสภานั้น จะต้องได้รับ “ไฟเขียว” จากขั้วสีน้ำเงิน เมื่อรวมกับ “อนันต์ สุวรรณรัตน์” อดีตปลัดกระทวงเกษตรและสหกรณ์ กับ“ณรงค์ รักร้อย” อดีต ผู้ว่าฯอุทัยธานี ที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาไปเมื่อ วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะมี “กกต.สีน้ำเงิน” 4 ใน 7 คน ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก

การตีธงถอย ไม่ต้องให้ “ณรงค์ รักร้อย” เป็นประธาน กกต. โดยให้คนกลางอย่าง “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ขึ้นเป็นแทน จึงเป็นเพียงการสร้างภาพลวงตาเท่านั้น

เพราะสุดท้าย “สีน้ำเงิน” ก็คุม กกต. อยู่ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น