รมว.คลัง เผย มติครม.เคาะแผนการคลัง 5 ปี คุมเข้มนโยบายกึ่งการคลัง ลดขาดดุลเหลือไม่เกิน 3% ชูกรอบการคลังระยะปานกลาง ถือเป็นหนึ่งในรากฐานของนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล
วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ปีงบประมาณ 2569–2573 รองรับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยครม.มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ไปหารือเพื่อกำหนดรายละเอียดแนวทางที่ชัดเจนต่อไป
“กรอบการคลังระยะปานกลาง ถือเป็นหนึ่งในรากฐานของนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการคลัง โดยจะกำหนดกรอบการคลังให้เข้มงวดขึ้น เช่นการตั้งงบกลางจากเดิมค่อนข้างกว้าง คือไม่เกิน 3% ของงบประมาณรายจ่าย และงบประมาณที่จะใช้หนี้ จะตั้งให้ไม่ต่ำกว่า 4% ของงบประมาณรายจ่าย ส่วนกรณีของงบประมาณผูกพันที่มาขอระหว่างปีจะให้สูงสุดได้ไม่เกิน 5%” นายเอกนิติ ระบุ
นายเอกนิติ กล่าวว่า สิ่งที่หลายคนเป็นห่วงก็คือการใช้นโยบายกึ่งการคลังผ่านมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยจะทำกระบวนการภายในให้ชัดเจน ซึ่งครม.สั่งการว่า เดิมต่างคนต่างขอไม่มีระบบ แต่วันนี้ครม.ได้มอบหมายให้ไปหารือเพื่อกำหนดรายละเอียดในการทำแนวทางให้ความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากำหนดวงเงินไว้ไม่ให้เกิน 32% องงบประมาณรายจ่ายประจำ และนายกฯ จะเป็นผู้อนุมัติคนสุดท้ายก่อนนำเข้า ครม. ต่อไป
ขณะที่เป้าหมายในการทำงบประมาณสมดุลนั้น รองนายกฯ ระบุว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะกำหนดการขาดดุล ไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 2572 ซึ่งลดลงจากปีงบประมาณ 2569 ที่กำหนดการขาดดุลงบประมาณไว้ 4.4% ส่วนระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีนั้นยืนยันว่า จะไม่เกินกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 70% ของ GDP
นอกจากนั้นในส่วนของการเพิ่มรายได้และการลดรายจ่าย ครม. ได้มอบให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปจัดทำโครงสร้างทั้งการเพิ่มรายได้และการลดรายจ่าย โดยมีเป้าหมายรายได้รวมในแผนฯ เพิ่มรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 15.1% ของ GDP (ปัจจุบันอยู่ที่ 14.8%) ขณะที่รายจ่ายรัฐบาลมีแผนในการที่จะลดรายจ่ายให้อยู่ที่ประมาณ 18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 19% กว่า
อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงทุนรัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์การลงทุนที่ไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะแม้ว่างบประมาณส่วนกลางจะลดลง แต่รัฐบาลจะใช้เงินผ่านช่องทางอื่นเพื่อเพิ่มงบลงทุนให้กับประเทศโดยไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะ ทั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตแห่งประเทศไทย (Thailand Future Fund)กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และการร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน (PPP) เป็นต้น


