โฆษกกรรมาธิการแก้ รธน.เผยมติ กมธ.เคาะที่มา กรรมการรับฟังความเห็น เปิดรับสมัครก่อนส่งรัฐสภาเลือก ใช้สูตร 20 หยิบ 1 จ่อโหวตปมคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามสัปดาห์นี้
วันที่ 18 พ.ย.ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา เปิดเผยถึงการประชุมกมธ. ในสัปดาห์นี้ ว่า จะเป็นการพิจารณาเนื้อหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่มีสมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน และ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คน ซึ่งจะมีการลงมติ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ประชุมได้หารือต่อเนื้อหาอย่างรอบด้านแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในหลักการที่หารือจะเป็นไปตามเนื้อหาหลักของร่างแก้รัฐธรรมนูญ ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะกมธ. นำเสนอ
นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการออกแบบที่มาของ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คน นั้น ที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้กติกาเดียวกันกับกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ คือ ให้ประชาชนสมัครเข้ารับการคัดเลือกจากรัฐสภา และใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือ ให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อให้เลือก กรรมการรับฟังความคิดเห็นจำนวน 1 คน
นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ภาพรวมของการพิจารณานั้น กมธ. ได้พิจารณาถึงร่างมาตรา 256/11 ซึ่งว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของการเป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมการรับฟังความคิดเห็น ทั้งนี้ร่างมาตรา 256 นั้นยังเหลือรายละเอียดค้างอีก 28 ทับ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาพิจารณาในการประชุมสัปดาห์นี้ ส่วนสัปดาห์หน้าจะเป็นการเชิญผู้ที่สงวนคำแปรญัตติเข้าชี้แจงประเด็นต่อกมธ. เบื้องต้นนั้น กมธ.ได้หารือว่า ต้องทำงานให้แล้วเสร็จ ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้
เมื่อถามว่าที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นเงื่อนและกรอบที่ให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วหรือไม่ โฆษก กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้หารือกันในเบื้องต้น แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรพิจารณาเรียงตามมาตรา ทำให้เรื่องดังกล่าวซึ่งอยู่ในร่างมาตรา 256/26 ยังไม่ได้พิจารณา ทั้งนี้เข้าใจว่าต้องพิจารณารายละเอียด เพราะเนื้อหาที่เสนอนั้นมีความแตกต่างกันโดย พรรคภูมิใจไทยเสนอเนื้อหาห้ามแก้ไข หมวด 1 และ หมวด2 และห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ เปลี่ยนแปลงูปแบบของรัฐ แต่ของพรรคประชาชนมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนั้นเมื่อถึงลำดับการพิจารณา กมธ.ต้องหารือกันอีกครั้ง


