xs
xsm
sm
md
lg

“ทนายอั๋น” จี้ กกต.ฟันอดีต พนง.สอบสวนรับเงินคดีฮั้ว สว.พบเส้นเงิน 50 ล้านช่วง 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทนายอั๋น บุรีรัมย์” จี้ กกต.เอาผิดอาญาอดีตพนง.สอบสวนรับเงินคดีฮั้ว สว.พบเส้นเงิน 50 ล้านช่วง 2 ปี เตรียมแฉเพิ่มหลังได้ข่าวฝ่ายการเมืองส่งอดีตผู้ว่าฯ นั่งประธานใหม่หวังมาเซ็นล้มคดีฮั้ว


วันนี้(17 พ.ย.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะเข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการ กกต. ขอให้เอาผิดพนักงานสืบสวนไต่สวน ที่รับเงินเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือก สว. ให้สุดทางทั้งวินัยและอาญา โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ที่พนักงานสอบสวนคนดังกล่าวถูกตรวจสอบก็มาจากถูกพนักงานด้วยกันร้องเรียน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเพราะไม่ได้รับเงินด้วยหรือไม่ แต่ กกต. ในเวลานั้นได้ยกคำร้องจึงอยากให้มีการรื้อสำนวนนี้ขึ้นมาดูว่า เพราะเหตุใดกกต.จึงยกคำร้อง มีการช่วยเหลือกันหรือเปล่า วันนี้กกต. จะกู้หน้า เรียกศรัทธาโดยให้พนักงานคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนคงไม่เพียงพอต้องดำเนินคดีอาญาไปให้สุดทางกับผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่ที่รับเงิน หรือผู้ที่ให้เงินด้วย ต้องเอาทั้งระบบ

"ถ้าแค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนจะถูกกล่าวหาว่าต้องการตัดไฟ เพราะกลัวจะลามมาถึงตัวหรือไม่ ดังนั้นกกต.จึงไม่ควรทำเพียงแค่นี้ อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่าผมเปิดเรื่องนี้วันศุกร์ พอวันเสาร์ กกต. ก็ขยันเปิดทำการ เรียกประชุมด่วนแล้วมีมติ โดยไม่ได้ดูเลยว่าข้อมูลของผมจริงหรือไม่อย่างไร แต่ให้ออกจากราชการก็แสดงว่าข้อมูลของผมเป็นข้อมูลจริง โดยอ้างว่าเพื่อความโปร่งใสขององค์กร"

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า แม้กกต.จะรับุว่า พนักงานกกต. คนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของคณะสอบสวนคดีฮั้วสว. ชุดที่ 26 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานคนดังกล่าวไปสอบสวนคดีฮั้วสว.ในพื้นที่ ซึ่งตนเชื่อว่าอาจจะเป็นคดีเดียวกับที่ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยยกคำร้องว่าจ.อำนาจเจริญไม่มีการฮั้ว สว.

"พนักงานคนดังกล่าวรับเงินเดือนอย่างมากสุดเดือนละ 50,000 กว่าบาท แต่กลับพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วง 2 ปีนี้มากถึง 50 ล้านบาท และพบว่าคนที่โอนเงินให้เป็นขาใหญ่ของอำนาจเจริญ โดยขาใหญ่คนนี้มีการโอนเงินไปให้กับขาใหญ่ของทางภาคใต้และภาคเหนือ และคนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ซึ่งถ้าขนาดระดับเจ้าหน้าที่กกต. มีเงินหมุนเวียน 50 ล้านบาท แล้วระดับพี่แสวง บุญมี จะเท่าไร ถ้าจริงนะ ผมว่าก็ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ส่วนกกต. อิทธิพร บุญประครอง และคณะ คิดดูจะกี่พันล้าน นี่เราลองพิจารณาจากหลักฐานของพนักงานสอบสวนระดับสืบสวนไต่สวนนะ”


นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า ยังมีข้อมูลว่าในวันเลือกสว. ระดับประเทศ ที่กกต. ห้ามไม่ให้ผู้สมัครนำโทรศัพท์เข้าไปยังสถานที่เลือก แต่กลับพบ ผู้ได้รับเลือกเป็นสว. ปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์ในช่วงเวลาที่กกต. ห้าม โดยมี"พล.ต.ท."คนหนึ่ง ซึ่งเป็นสว. ปัจจุบัน โทรไปหาคนที่เขากระโดงในเวลานั้นด้วย และบางคนมีการโทรหากรรมการบริหารพรรคบางพรรค ซึ่งตนมีรายชื่อตัวตึงหมด อีกทั้งยังมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นว่าคนที่เป็นผู้สมัครสว. แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่กกต. กระทำอุกอาจเดินเข้าออกในสถานที่เลือก เดินไปพบผู้สมัครด้วยกันกลุ่มเดียวกัน และมีพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ อย่างกรณีของนายอลงกต วรกี มีการโทรศัพท์หลายครั้งโทรไปหาคนที่อยู่จ.อุทัยธานี จ.อ่างทอง ซึ่งหลักฐานเหล่านี้มันชัดทั้งก่อนวันเลือกและหลังวันเลือก และ1-2วันหลังได้รับเลือกก็มีการไปรวมตัวกันที่ซอยรางน้ำ ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายนี้อยู่ที่เดียวกันหมด โดยเครือข่ายโทรศัพท์เช็คได้รวมถึงเส้นเงิน วงจรปิดต่างๆ หลักฐานครบหมดแล้ว

หลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เรียกกล้องวงจรปิดในวันเลือกสว. ระดับประเทศจากกกต. แล้วให้เปิดโชว์ว่าเป็นใคร สมัครกลุ่มไหนอย่างไร รวมทั้งยังพบกกต.เหิมเกิมนับคะแนนผิด โดยเอาคะแนนไปให้กับสว.สีน้ำเงิน ว่ากันว่าถ้านับคะแนนดีๆแล้ว ผู้สมัครสีน้ำเงินในเวลานั้นหลายคนจะตกไม่ได้เข้ามาเป็นสว. วันนี้ตนมองว่าการที่นำข้อมูลคดีฮั้วสว.มาเปิดจะทำให้ประชาชนหันกลับมาสนใจคดีนี้ เพราะตอนนี้มีองคาพยพพยายามที่จะเบี่ยงเบนคดีนี้ ซึ่งเห็นว่าเป็นคดีที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าคดีพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ โดยตนก็จะเปิดข้อมูลให้หนักขึ้น เพื่อให้กกต.ฉุกคิด แทนที่จะรับคำคนที่เขากระโดงว่าจะล้มคดีนี้แน่นอนหลังยุบสภาช่วงปลายปีแล้ว 2 สัปดาห์ ก็หวังว่าข้อมูลของตนจะสะเทือนจิตสะเทือนใจให้ท่านช่างน้ำหนักว่า จะยอมไปติดคุกเหมือนพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีต กกต. หรือไม่ หรือจะหยุดแค่นี้ดีกว่า เพราะตราบใดที่กกต. ชุดใหญ่ยังไม่ลงนามยกคำร้อง คุณก็ยังมีโอกาสแก้ตัว

ส่วนดีเอสไอ ตนค่อนข้างหมดหวัง โดยพฤติการณ์เหมือนจะเดินตามกกต. มีข้อมูลว่ามีการส่งไลน์ในกลุ่มให้มีการชะลอ รอฟังสัญญาณ ทำให้รู้สึกว่า ดีเอสไอปิดประตูตายแล้ว กลายเป็นว่ากกต. ออกอย่างไรดีเอสไอก็จะตามน้ำ ทั้งคดีฮั้วเลือกสว. และคดีเขากระโดง ตอนนี้คนที่อยู่กระทรวงยุติธรรมส่งสัญญาณไปถึงคนที่ดีเอสไอให้ทำหนังสือไปยังเจ้าหน้าที่การรถไฟให้ทำหนังสือแจ้งกลับมาที่ดีเอสไอ ทำนองว่าการรถไฟได้ฟ้องคดีเองแล้วที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ จึงไม่มีความจำเป็นที่ดีเอสไอจะรับคดีเขากระโดงเป็นคดีพิเศษ เป็นการหาทางลงของดีเอสไอ ดังนั้น 4 เดือนนี้ของรัฐบาลชุดนี้มาอยู่แบบไม่เสียเปล่า จะยกคำร้องทุกอย่างไม่ว่าจะคดีฮั้วเลือกสว. หรือคดีเขากระโดง

นายภัทรพงศ์ ยังกล่าวถึงการเลือกประธาน กกต. คนใหม่ในวันพรุ่งนี้ว่า เชื่อว่าประธานจะเป็นอดีตผู้ว่าฯ แม้มีข่าวว่าจะสู้กับกกต.ที่มาจากสายศาลฎีกาก็เชื่อว่าสายศาลฎีกาสู้ไม่ได้ ซึ่งที่ได้ข้อมูลมา การยกคำร้องคดีฮั้วเลือกสว. หลังยุบสภา 2 สัปดาห์ นอกจากเขาจะอ้างได้ว่า รัฐบาลหมดอำนาจไปแล้ว ไม่สามารถไปบีบกกต. ให้ทำตามความต้องการได้ การยกเป็นเรื่องของกกต. อีกเหตุผลหนึ่งคือนายอิทธิพร ประธานกกต.คนปัจจุบันกล้าๆกลัวๆไม่อยากเซ็น ดังนั้นคนที่จะเซ็นยกคำร้องฮั้วลือกสว. ก็คืออดีตผู้ว่าฯที่จะมาเป็นประธานคนใหม่ ทุกอย่างก็จบ หาความชอบธรรมให้ตัวเองด้วยการยุบสภา หาคนมาเซ็นยกคำร้องฮั้วเลือกสว. ก็หาได้แล้วไม่มีอะไรที่คนไทยมาเหนี่ยวรั้งได้แล้ว

นอกจากนี้นายภัทรพงศ์ ยังขอให้ประชาชนจับตารัฐบาลซึ่งกำลังจะไปเซ็นสัญญากับภาคเอกชน 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 9 ปี ถ้าลงนามเมื่อไรเงินเกือบ 100,000 ล้านบาท ก็จะเข้ากระเป๋าคนนั้นคนนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพรรคส้มไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ


กำลังโหลดความคิดเห็น