“อภิสิทธิ์” ขอบคุณผลโพลเป็นกำลังใจ แต่ย้ำยังมีงานหนักรออยู่ แข่งกับเวลา–แข่งกับตัวเอง ชู 2 นโยบายใหญ่ “บ้านเมืองต้องสุจริต–เศรษฐกิจต้องโตและกระจายทั่วถึง” ไม่หวั่นศึก กทม. “สกลธี”ชน “เอกนัฏ” ยอมรับหากยุบสภาก่อน ม.ค. 69 จะเหนื่อยมากขึ้น แต่ต้องพร้อมเดินหน้า เผยแนวร่วมต้านการเมืองไม่สุจริตเพิ่มขึ้น
วันที่ 17 พ.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พบว่าพรรคมีคะแนนดีขึ้น โดยระบุว่าขอบคุณพี่น้องประชาชน แต่สิ่งเหล่านี้มีขึ้นลงตลอดเวลา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแข่งขันกับตัวเองและการแข่งขันกับเวลา เพราะเวลามีจำกัดแต่มีงานที่ต้องทำจำนวนมาก ทั้งเรื่องนโยบายและตัวผู้สมัคร ส่วนการแข่งขันกับตัวเองเป็นเพราะพรรคต้องการให้ประชาชนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่การเมืองและสิ่งที่จะทำเพื่อประเทศ ดังนั้นผลโพลถือเป็นกำลังใจ แต่ยังมีงานหนักรออยู่ข้างหน้าอีกมาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นโยบายหลักที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้ามี 2 เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับประเทศ เรื่องแรกคือการทำให้บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองที่สุจริตจริงๆ เพราะหากไม่สามารถสร้างความสุจริตได้ ปัญหาอื่นแทบแก้ไขไม่ได้ เนื่องจากจะบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สถาบัน และความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นำมาสู่ปัญหาสารพัดทั้งด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องที่สองคือการทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตเหมือนในอดีต เพราะหากเศรษฐกิจยังโตเพียงร้อยละ 1–2 อย่างต่อเนื่อง เรื่องอื่นก็แก้ไม่ได้ และประเทศจะไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุ หรือสร้างระบบสวัสดิการที่จำเป็นต่อประชาชน ดังนั้นต้องทำให้บ้านเมืองสุจริตและเศรษฐกิจเติบโตและกระจายอย่างทั่วถึง
เมื่อถามถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรวดเร็ว นายอภิสิทธิ์ระบุว่า นโยบายลักษณะนี้ต้องดูตามสถานการณ์ แต่ไม่ใช่คำตอบหลักของประเทศในระยะยาว ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ไทยมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจถี่มาก ทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล ซึ่งบางช่วงรวมถึงปัจจุบัน ช่วยบรรเทาความยากลำบากได้ระดับหนึ่ง แต่เป็นเพียงคำตอบเฉพาะหน้า หากเศรษฐกิจไม่เติบโตตามเป้าหมาย ประเทศก็จะวนเวียนอยู่กับมาตรการเดิม และจะมีข้อจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสถานะทางการคลังจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น
สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ที่นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ และอาจต้องแข่งขันกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งมีข่าวว่าอาจเข้ามาช่วยพรรคภูมิใจไทย และถูกมองว่าเป็นฐานเสียงเดียวกันนั้น นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ไม่ขอพูดเรื่องฐานเสียง แต่พรรคแข่งขันด้วยการเสนอตัวต่อคนกรุงเทพฯ ซึ่งจะพิจารณาทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ และภาพใหญ่ของประเทศว่าจะเดินหน้าไปอย่างไร การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ และตนไม่ได้กังวลอะไร โดยนายสกลธีต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้รู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่ยาก พร้อมย้ำว่าพรรคแข่งขันกันอย่างเต็มที่แบบมิตร และไม่เล่นฟาวล์
ส่วนความพร้อมหากมีอุบัติเหตุทางการเมืองและยุบสภาก่อนไทม์ไลน์ปลายเดือนมกราคม 2569 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคต้องพร้อม แม้จะเหนื่อยมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคยอมรับ และในวันพรุ่งนี้พรรคจะเริ่มประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังได้รับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เวลาที่มีอยู่เดิมก็น้อย หากน้อยลงไปอีกก็ย่อมเหนื่อยเพิ่มขึ้น แต่ถือเป็นเรื่องปกติของระบบสภาที่พรรคการเมืองต้องเดินหน้าเต็มที่
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับการเมืองสุจริต ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการใช้เงินจากการฟอกขาวมาเล่นการเมือง นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ตนหนักใจน้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะตั้งแต่กลับมาทำงานการเมือง ได้พบประชาชนและนักธุรกิจระดับสูงจำนวนมาก ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ต้องการอยู่ในสภาพการเมืองแบบนี้อีก แนวร่วมของคนที่ต้องการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


