“จิรพงษ์” เร่งรัฐเดินหน้าสร้างเขื่อนถาวรริมเจ้าพระยา ชี้ประชาชนต้องการโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน เตือน สส. ลงพื้นที่น้ำท่วมต้องระวัง อย่ามุ่งทำคอนเทนต์จนเสี่ยงทำกระสอบทรายพัง–น้ำทะลักเข้าตัวเมือง
นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยผู้บริหารเทศบาลนครนนทบุรี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนแจกจ่ายยาป้องกันน้ำกัดเท้าให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจกถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจไปแล้ว นอกจากนี้ได้แจ้งกับผู้ประสบอุทกภัยว่าจังหวัดนนทบุรีได้ประกาศให้เขตเทศบาลนครนนทบุรีเป็นพื้นที่อุทกภัยเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ตนได้นำเสนอข่าวเรียกร้องไป ดังนั้นจากนี้ไปความช่วยเหลือต่างๆโดยเฉพาะการสร้างสะพานทางเดินชั่วคราว การจัดทำถุงยังชีพ รวมถึงยารักษาโรคสามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยใช้งบประมาณจากหมวดรายจ่ายฉุกเฉินของเทศบาลนครนนทบุรี ซึ่งนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี บรรจุเป็นข้อบัญญัติงบประมาณรายปีอยู่แล้ว
ส่วนกระแสดราม่าในโซเชียลเรื่อง สส. ลงพื้นที่น้ำท่วม ตนคิดว่าถึงแม้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของ สส. โดยตรง แต่เป็นสิ่งที่คนมีหัวใจเป็นผู้แทนควรกระทำ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัย ไม่ว่าการที่ลงพื้นที่จะนำสิ่งของไปแจกหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งสำคัญคือการนำปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนนำกลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อปรึกษาหารือกับรัฐบาล หาแนวทางการแก้ไขให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สส. พึงกระทำได้และสมควรทำ
“นอกจากนี้ การเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหรือแจกจ่ายสิ่งของในการช่วยเหลือนั้น ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม เพราะพื้นที่จังหวัดนนทบุรีมีลักษณะแบบน้ำขึ้นน้ำลง กล่าวคือจะมีช่วงเวลาเข้าพื้นที่ที่เหมาะสมในเวลาน้ำลง การเดินทางไปแจกจ่ายสิ่งในช่วงนี้จะสะดวกกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนการลงพื้นที่ช่วงเวลาน้ำขึ้นไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากความแรงของน้ำที่ไหลบ่าและวิสัยทัศน์ในการเดินทางเข้าพื้นที่ไม่เหมาะสม ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่รู้พื้นที่แล้วอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำได้ จะกลายเป็นเพิ่มภาระให้กับผู้ประสบอุทกภัยมากขึ้นที่จะต้องมาช่วยเหลือดูแล
มากไปกว่านั้นการใช้เรือเป็นยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นเรือพายหรือเป็นเรือที่มีเครื่องยนต์ต้องมีทักษะในการใช้เรือ และควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะอาจจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงการชนเข้ากับแนวเขตกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมให้ได้รับความเสียหายพังทลายก่อให้เกิดผลกระทบ ทำให้น้ำท่วมเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในได้ เป็นการเพิ่มความเสียหายในวงกว้าง ดังนั้นแล้ว สส. ที่จะเข้าพื้นที่ควรใช้วิจารณญาณให้มากอย่าไปมุ่งเน้นในการทำคอนเท้นต์เพื่อหวังเพียงเพื่อการหาเสียงอย่างเดียว ต้องคิดให้รอบคอบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทีมงาน ผู้ประสบภัย และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงด้วย”นายจิรพงษ์ กล่าว
นายจิรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการที่ตน เคยเป็น ส.ส. และ ส.อบจ. มาทราบดีว่า ประชาชนผู้อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้ต้องการเพียงถุงยังชีพหรือเงินเยียวยาค่าซ่อมแซมบ้าน แต่ต้องการเขื่อนหรือทำนบถาวรที่ป้องกันน้ำท่วมแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทางเทศบาลนครนนทบุรีก็มีแผนที่จะจัดสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมตลอดแนวระยะทาง 10 กิโลเมตร แต่ติดขัดตรงที่จะต้องรอการอนุมัติจากหลายหน่วยงานของภาครัฐ รวมถึงความร่วมมือจากภาคประชาชนที่มีบ้านเรือนตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ผ่านมาโครงการที่พอจะทำให้ประชาชนมีหวังก็คือแผนการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน อย่างเป็นระบบสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เน้นการแก้ไขตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เป็นการบริหารแบบบูรณาการร่วม สามารถควบคุมปริมาณน้ำในแม่น้ำยมได้โดยไม่ต้องกังวลปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักเพียงจุดเดียว จะไม่เกิดน้ำท่วมในอยุธยาเพราะสามารถควบคุมปิง วัง ยม น่านได้ และจะควบคุมน้ำในเขื่อนแม่น้ำวงก์ คุมน้ำสะแกกัง ตัวเพิ่มน้ำในเจ้าพระยา ประชาชนในภาคกลางและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆจะไม่ต้องกังวลน้ำท่วม แต่โครงการนี้ก็ต้องถูกพับไป


