ด้วยรัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีวาระการประชุมเร่งด่วนในวันพรุ่งนี้ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณากฎหมายลำดับรอง ซึ่งออกตามความแห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 จำนวนหลายฉบับ และฉบับที่เป็นประเด็นสำคัญ กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน คือ 1. เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 2. เรื่องกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(ในสถานที่ขายในเวลาห้ามขาย) ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการร้านเหล้า ผับบาร์ ที่อ้างว่าจะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 500,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวจะเดินทางมามากขึ้นจากมาตรการนี้ ฯลฯ
ในการนี้ เครือข่ายขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนี้
1. การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลและคณะกรรมการฯ มีความสำคัญมากเพราะจะผูกพันธ์ต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้นการเร่งรีบพิจารณาในขณะที่โครงสร้างของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชุดใหม่ ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่มีการแต่งตั้ง ทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ กรรมการในสัดส่วนของผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงกรรมการผู้แทนสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสภาการท่องเที่ยว ที่ยังมิได้แต่งตั้ง ซึ่งในการพิจารณาออกกฏหมายลำดับรองทั้งสองฉบับเป็นเรื่องใหญ่มาก จำเป็นต้องรอบคอบ มีข้อมูลที่รอบด้าน ด้วยกรรมการที่ครบถ้วนสมบูรณ์ร่วมพิจารณา มิใช่ทำตามความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเอื้อประโยชน์ของใคร จึงยังไม่ควรเร่งพิจารณามีมติใดๆ
2. ในอนาคตที่มีคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หากจะพิจารณาเรื่องการห้ามดื่มในสถานที่ขายในเวลาห้ามขาย ตามมาตรา 32 นั้น คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถกำหนดเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นใดๆเท่าที่จำเป็นได้อยู่แล้ว หากจะผ่อนปรนในระยะเริ่มต้นของการบังคับใช้กฎหมาย อาจพิจารณาให้แค่ร้านอาหาร ผับ บาร์ หรือร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีที่นั่งดื่ม มีพนักงานเสริฟคอยดูแลลูกค้า อาจให้สามารถนั่งต่อได้แต่ไม่เกิน 30 นาที โดยมีเงื่อนไข ค่อยๆลดการดื่ม ไม่เร่งดื่มให้หมด ทั้งนี้ผู้ขาย ผู้เสริฟ ต้องดูอาการมึนเมาของลูกค้าเป็นสำคัญ
3. การกล่าวอ้างตัวเลข 5-6 แสนล้านบาท จากการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มผู้ประกอบการร้านเหล้าผับบาร์ เป็นตัวเลขที่เกินเลย ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก รวมถึงเมื่อขยายเวลาแล้วจะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นก็ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ใดๆ เพราะจากงานวิจัยเก็บข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็ไม่พบว่าแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวมากจากการกินดื่มเลย
4. ขอให้ยกเลิกมรดกบาปของรัฐบาลที่ผ่าน ในการให้สถานบริการใน 5 พื้นที่นำร่อง (กรุงเทพ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และ อำเภอเกาะสมุย) เปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงตี 4 เพราะจากการศึกษาพบว่าได้ไม่คุ้มเสีย อุบัติเหตุเมาแล้วขับเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่กล่าวอ้าง มีสถานประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นสถานบริการผสมโรง และยากในการบังคับใช้กฎหมาย เกิดการเลือกปฏิบัติ


