วันนี้(12 พ.ย.)นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับแก้ไขปี 2568 ที่กำหนดเรื่องการห้ามดื่มในร้านนั่งดื่มในเวลาห้ามขาย เป็นมาตรการเดิมที่เคยมีอยู่ใน ปว.253 ที่ถูกยกเลิกไป และผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุขในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เห็นชอบในเรื่องนี้ กฎหมายใหม่กำหนดให้ผู้ดื่มที่ฝ่าฝืนอาจถูกปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท มิใช่โทษปรับทางอาญา เช่น พนักงานเจ้าหน้าที่อาจปรับเพียง 1,000-2,000 บาทก็ได้ ซึ่งจะต้องมีการจัดทำเกณฑ์การพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
การห้ามดื่มในเวลาห้ามขายเป็นมาตรการที่พบในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีการห้ามดื่มในร้านในเวลาห้ามขายเช่นกัน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนและผู้ดื่ม เพราะหากมีการปล่อยให้ลูกค้าดื่มเกินเวลา หรือดื่มจนมีอาการมึนเมา ภายหลังลูกค้าออกจากร้านแล้ว ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่ปลอดภัย เกิด เหตุทะเลาะวิวาทในร้าน หรือทำให้มีการขับขี่รถหรือยานพาหนะในขณะมึนเมาจนเกิดอุบัติเหตุ
ผู้ประกอบการที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทร้านนั่งดื่ม สถานบริการ ผับบาร์ ควรขายอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ควรเห็นแก่รายได้เป็นสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดจากการดื่มจนมีอาการมึนเมา หรือดื่มจนก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ดื่มหรือบุคคลอื่น
กระแสข่าวเรื่องการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 40 ในวันที่ 13 พ.ย.2568 เพื่อพิจารณาร่างประกาศหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และฝ่ายการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและอาจขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุม ฯ ยังไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมาย และยังไม่ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ


