3 ป. บุกศรีมหาโพธิ รวบ "ส.อ.จักรพันธ์" อดีตรักษาการ ผอ.กองช่าง เรียกรับ 5 แสน แลกใบอนุญาตก่อสร้าง เหตุเกิดเมื่อก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (11พ.ย.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายให้นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงาน ป.ป.ท. ปฏิบัติการจับกุมสิบเอก จักรพันธ์ คนรำ ผู้ต้องหาที่ 1 ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายแบบแผนและก่อสร้าง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองช่าง สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ 15 /2568 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 และนายสายันต์ แย้มกลิ่น ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ 16/ 2568 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 173
ผู้ต้องหาที่ 2 ได้กระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจ
ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
และชุดจับกุมได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ ค.1/2568 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 29/2 หมู่ 12 ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี และหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ ค.2/2568 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เข้าทำการตรวจค้นห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณชนกเซอร์วิส เลขที่ 54/2 หมู่ 7 ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้รับแจ้งจากตัวแทนซึ่งได้รับมอบให้ดำเนินการยื่นคำขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร (แบบ ข.1) ต่อกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ปรากฏว่าในวันเดียวกันได้มีบุคคลติดต่อหาตัวแทนผู้เสียหายอ้างว่าการขออนุญาตก่อสร้างและการดำเนินการอื่นๆ ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้าให้ดำเนินการผ่านตนได้เลยสามารถจัดการให้ได้ทุกอย่าง โดยในการติดต่อพูดคุยบุคคลดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อต่อมาชื่อนายสายันต์ แย้มกลิ่น “น้อย” ผู้ต้องหาที่ 2)มีรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างอาคารโกดังเก็บสินค้า รายละเอียด BOQ และแบบแปลนการก่อสร้างรวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงน่าเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวได้รับรายละเอียดต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้า
โดยผู้ต้องหาที่ 2 อ้างว่าการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร (แบบ อ.1) มีค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาที่ 2 แจ้งกับตัวแทนผู้เสียหายว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นส่วนของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้าและเจ้าหน้าที่กองช่าง ซึ่งตามกฎหมายผู้เสียหายจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตเป็นเงินจำนวน 200 บาท และค่าธรรมเนียมการตรวจแบบแปลนก่อสร้างตารางเมตรละ 0.50 บาท จำนวน 4,000 ตารางเมตร คิดเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท รวมค่าธรรมเนียมที่ผู้เสียหายจะต้องชำระคิดเป็นเงินจำนวน 2,200 บาท
นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ 2 ยังมีพฤติการณ์บีบบังคับให้ผู้เสียหายว่าจ้างตนดำเนินการถมดิน ปรับพื้นที่ และการก่อสร้างในส่วนรากฐานบางส่วน เป็นจำนวนเงินอีก 4,000,000 บาท โดยแจ้งกับตัวแทนผู้เสียหายว่าหากว่าจ้างตนการก่อสร้างอาคารโกดังเก็บสินค้าจะไม่เกิดปัญหาใด ๆ รวมทั้งจะดำเนินการเรื่องการขออนุญาตขุดดินหรือถมดินให้ด้วยซึ่งเป็นพฤติการณ์การแสวงหาประโยชน์อื่นโดยมิชอบ ต่อมาผู้เสียหายได้มีการต่อรองเรื่องการว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 2 คงเหลือเงินค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กก.2 บก.ปปป.) และสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับพฤติการณ์ดังกล่าวพบว่า สิบเอกจักรพันธ์ คนรำ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายแบบแผนและก่อสร้าง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองช่าง สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้า มีพฤติการณ์ เรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินจำนวน 500,000 บาท เพื่อแลกกับการออกใบอนุญาตก่อสร้าง (แบบ อ.1) ซึ่งมีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้นายสายันต์ แย้มกลิ่น หรือ “น้อย” เป็นผู้ประสานงานและทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการอนุมัติใบอนุญาตก่อสร้างผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


