ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ นายกฯ หนู รออะไรอีก MOU ไทย-เขมร จะกอดไว้เพื่อ !?
ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดอีกครั้ง !
เมื่อทหารไทย 2 นาย เหยียบทุ่นระเบิด บริเวณช่องตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ พื้นที่เดิมที่ ที่ลาดตระเวนเป็นประจำ และ เท่าที่รู้ ทุ่นระเบิดลูกนี้ไม่ใช่ "ของเก่า” แต่เป็น "ของใหม่" ที่เพิ่งปักไว้สดๆ ร้อนๆ เหมือนเดิม
คำยืนยันนี้มาจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง "แม่ทัพกุ้ง" ที่สะท้อนให้เห็นว่า เขมรไว้ใจอะไรไม่ได้เลย
มิหนำซ้ำ มีรายงานว่า ทหารเขมรยังยิงปืนเล็ก ยั่วยุเข้ามาในฝั่งไทยอีกด้วย
ขณะที่ท่าทีกองทัพไม่ทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพอากาศ หลังเกิดเหตุทหารไทยถูกกับระเบิด ได้ส่งสัญญาณ ที่มีนัยยะสำคัญ ออกมาผ่าน เพจ Royal Thai Air Force ประกาศชัดว่า “ยุติการดำเนินการทุกข้อตกลงกับกัมพูชา จนกว่าการแสดงความเป็นปฏิปักษ์ จะสิ้นสุด”
ความนี้กองทัพอากาศ ย้ำชัดด้วยว่า จนกว่าการปฏิบัติการใดๆของกัมพูชาที่แสดงความเป็นปฏิปักษ์จะไม่มี กองทัพอากาศขอยืนยัน “จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง"
ปรากฏว่า มีประชาชน และชาวเน็ต เข้าไปแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งให้กำลังใจทหารหาญทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยอย่างเต็มที่
ขณะที่รัฐบาลและฝ่ายการเมือง ยังคงมะรุมมะงาหรา จะทำไงดี
ท่าทีที่ออกมา จึงทำได้แค่สั่ง "ยุติ" ข้อตกลงสันติภาพ "การละคร" แต่อื่นๆ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล บอกว่า "ขอให้คอยดู" และเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะนั่งหัวโต๊ะเองใน วันนี้ (11 พ.ย.)
คำว่า "ขอให้คอยดู" ไม่มีใครรู้ "เสี่ยหนู" จะเอายังไง แต่ที่แน่ๆ เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ เสียงเรียกร้องให้ยกเลิก MOU ระหว่างไทย-เขมร ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ที่ผ่านมาท่าทีรัฐบาลต่อข้อตกลง MOU ไทย–กัมพูชา ปี2543–2544 ที่ต้องบอกว่า ตั้งแต่ผู้นำรัฐบาล "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปจนกระทรวงการต่างประเทศ ยังยึดถือ MOU ราวกับเป็นคำสัญญาของบิดร-มารดา ทั้งที่อีกฝ่าย"ฮุน เซน" เหยียบซ้ำศักดิ์ศรีไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์” อดีตที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์สื่อในวันเดียวกันนี้ ได้เรียกร้องไปถึงฝ่ายการเมือง ระบุว่า เมื่อกัมพูชาไม่ได้รักษาสัญญา ไทยเองก็ไม่ควรทำตาม ต้องฉีก MOU ทิ้งไปเถอะ!”
คำถามคือ...รัฐบาล “นายกฯหนู” ยังจะรออะไรอีก !? หรือจะปล่อยให้มีทหารเหยียบกับระเบิด เป็นขาที่ 8, 9, 10 ก่อนค่อยขยับ !?
กองทัพก็บอกอย่างชัดเจน วันนี้กัมพูชายังแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับไทยตลอดเวลา
นี่คือเสียงสะท้อนจาก “เหล่าทัพ” ที่ยังมีเลือดรักชาติเต็มหัวใจ
แต่คำถามใหญ่คือ...รัฐบาลอนุทิน จะยึด MOU 2543–2544 ไว้เพื่ออะไร ?
เพื่อรักษาหน้าฝ่ายตรงข้าม หรือเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างที่ประชาชนยังไม่รู้ !?
++ แพลมออกมาแล้ว “สุริยะ-ณัฐพงศ์-ยศชนัน” 3 แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย
หากการเมืองเป็นไปตามไทม์ไลน์ ที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รับปากกับ “พรรคส้ม” เอาไว้ ว่าจะยุบสภา ภายในวันที่ 31 ม.ค. 69 นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่ ก็จะไม่เกินสิ้นเดือน มี.ค.69
ช่วงนี้พรรคการเมืองจึงมีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก ทั้งการจัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต และลุ้นอันดับบัญชีรายชื่อกันว่า ใครจะได้อยู่ลำดับต้นๆ รวมทั้งลุ้นว่า ใครจะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
สำหรับพรรคการเมืองอื่นๆ คาดเดากันไม่ยาก เพราะส่วนใหญ่หัวหน้าพรรคจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 อย่างเช่น “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาชน หรือ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์
แต่พรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรมาการันตีว่า หัวหน้าพรรคจะได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเช่นการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ปี 2566 “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” เป็นหัวหน้าพรรค แต่แคนดิเดตนายกฯ 3 คน คือ “แพทองธาร ชินวัตร-เศรษฐา ทวีสิน-ชัยเกษม นิติสิริ”
ครั้งนี้ก็เช่นกัน มีการจับตาว่า “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค จะได้เป็น 1ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
ซึ่งตอนนี้ก็มีชื่อแพลมออกมาแล้วว่า แคนดิเดตฯ ประกอบด้วย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ -ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์- ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์”
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นักการเมืองรุ่นเก๋า ที่ตอนนี้ รั้งตำแหน่งผู้อำนายการเลือกตั้งของพรรค จบปริญญาตรี วิศวกรรมอุตสาหการ ม.แคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ สหรัฐอเมริกา เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ
มีตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรก ในสมัยรัฐบาล “ชวน หลีกภัย” เมื่อปี 2541 ตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ในโควตาพรรคกิจสังคม ต่อมาในปี 2544 “ทักษิณ ชินวัตร” ตั้งพรรคไทยรักไทย เขาก็มาเข้าร่วม และได้นั่งเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม
จากนั้นในปี 2545 เป็นเลขาฯพรรคไทยรักไทย ได้นั่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม... ปี 2550 พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ “สุริยะ”ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี พ้นโทษยุบพรรค ย้ายไปสังกัด พรรคภูมิใจไทย และหลังรัฐบาลรัฐประหาร ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2561 “กลุ่ม 3 ป.” ตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสืบทอดอำนาจ “สุริยะ” ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสามมิตร ได้ยกก๊วน มาร่วมงานกับ “3ป.”
เมื่อ “บิ๊กตู่” หมดอำนาจ ก็ย้ายกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้นั่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม ในรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เมื่อเข้าสู่รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร “สุริยะ” ได้นั่งควบรองนายกฯอีก 1 ตำแหน่ง และในช่วงที่ “แพทองธาร” ถูกศาล รธน. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ “สุริยะ” ก็ทำหน้าที่ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงอยู่ไม่ไกลเกินคว้า ถ้าเขาสามารถพาพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งในครั้งนี้
ส่วน“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” อายุ 45 ปี “ซีอีโอ หมื่นล้าน” ลูกเขยบ้านจันทร์ส่องหล้า สามีของ “เอม” พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จบปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ปริญญาโท ด้านการจัดการธุรกิจ หรือ MBA ที่ DePaul University เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา
มีอาชีพ การงาน อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม ในฐานะผู้บริหารมากประสบการณ์ ปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และ รองประธานกรรมการ ของ SC Asset ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ระดับหมื่นล้าน ในเครือตระกูลชินวัตร ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และปรับตัวให้ทันกับยุคดิจิทัล
ด้วยคุณสมบัติความเป็นนักบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้เขาถูกจับตาว่า จะต้องเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย อย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับ “ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” ลูกชาย “เจ๊แดง” เยาวภา- สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งก็คือ “หลานชาย” ของ “ทักษิณ” นั่นเอง ปัจจุบันอายุ 45 ปี มีภาพของ “นักวิชาการ” มากกว่านักการเมือง
จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า (B.Eng.) จาก Sirindhorn International Institute of Technology (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2001) ปริญญาโท (2003) และ ปริญญาเอก (2007) ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จาก University of Texas at Arlington สหรัฐอเมริกา วิทยานิพนธ์เน้นคลื่นสมอง (EEG) และ Brain‑Computer Interface (BCI) เพื่อช่วยคนพิการ
เคยทำงานที่ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ ม.มหิดล เป็น รองศาสตราจารย์ และรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.มหิดล , ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) ภายใต้ ม.มหิดล ,กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการเครื่องมือแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข , กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล จากคณาจารย์ประจำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล , รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ และ Director ของ Brain-Computer Interface Lab มหาวิทยาลัยมหิดล
ปี 2557 ลาออกจากราชการ มาสมัคร สส.เชียงใหม่ เขต 3 และ ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เป็นสส. เนื่องจากเกิดวิกฤตการเมือง และรัฐประหาร เคยถูกเสนอชื่อเป็น แคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ที่สุดก็ไม่ใช่ตัวจริง
ในช่วงที่ พรรคภูมิใจไทย ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร “ยศชนัน” มีชื่อเป็นเต็ง 1 จะมานั่ง รมว.ศึกษาธิการ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ “โผ”
และวันนี้ ก็มีชื่อของเขา ว่าจะเป็นหนึ่งใน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ต้องติดตามกันว่า ทั้ง 3 ชื่อ ที่ปล่อยออกมาตอนนี้ จะเป็นแคนดิเดตนายกฯตัวจริงทั้งหมดหรือไม่


