xs
xsm
sm
md
lg

พยานคดีฮั้ว สว.อ้างถูกข่มขู่ -ล่อลวง-ยัดคดีให้ซัดทอดพรรคภูมิใจไทย พร้อมยื่นหนังสือถึง ดีเอสไอขอกลับคำให้การทั้งหมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 ตค. 68 ที่ผ่านมา พยานในคดีฮั้วการเลือกตั้งวุฒิสภา ได้ทำบันทึกคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือเพื่อกลับคำให้การ ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้ลงเลขรับไว้เมื่อวันที่ 31 ตค. 68 โดยมีรายละเอียด ข้าพเจ้าเคยได้ให้การต่อพนักงานสวนสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีพิเศษ ตามบันทึกคำให้การของผู้ร้องทุกข์ ผู้กล่าวหา หรือพยาน ซึ่งเป็นการให้การว่ามีการฮั้วการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีข้าพเจ้า และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยรวมทั้งให้การกับสถานที่ที่เกี่ยวข้อง กล่าวหาว่าได้สนับสนุนให้บุคคลต่างๆ ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยมีการ จัดทำโพยฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม รายละเอียดปรากฏตามคำให้การของข้าพเจ้าแล้วนั้น 
 
ข้าพเจ้าจึงขอให้การยืนยันว่า คำให้การของข้าพเจ้าในบันทึกคำให้การคดีพิเศษที่ผ่านมา เป็นการให้การอันเกิดจากการถูกข่มขู่ ข้าพเจ้าจึงขอให้การใหม่ดังนี้
1.ข้าพเจ้าเคยเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และมีความขัดแย้งกับพรรคอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ชายคนดังกล่าวจึงเข้ามาแจ้งให้ข้าพเจ้า ทราบว่า ข้าพเจ้า จะต้องถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจากพรรคภูมิใจไทยในอนาคตรวมถึงบุตรชายด้วย
ชายคนดังกล่าวอ้างว่ารู้จักคนในรัฐบาลและยังได้อ้างว่าเขาสามารถช่วยเหลือให้ข้าพเจ้า หลุดพ้นจากข้อหาได้โดยเปลี่ยนข้าพเจ้าจากผู้ต้องหามาเป็นพยานในคดี แต่มีเงื่อนไขว่าข้าพเจ้า จะต้องให้การตามบทที่ได้กำหนดไว้ มิเช่นนั้นข้าพเจ้า จะต้องหมดอนาคตทางการเมือง รวมถึงจะมีคดีความติดตาม และ บุตรชาย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวข้าพเจ้า และบุตรชายได้ถูก ร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ จริง จึงเกิดความกลัวเป็นอย่างมาก โดยคำให้การดังกล่าวถือว่าข้าพเจ้า ได้ให้การในฐานะผู้ต้องหาในคดีนี้
2.บุคคลดังกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีแผนจะใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานของรัฐ เป็นเครื่องมือทำลายล้างและใส่ร้ายทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย โดยขณะนี้มีการเตรียมการสร้างพยานหลักฐานเพื่อใส่ร้ายว่าข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในการฮั้วการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยข้าพเจ้าต้องพ้นตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรับโทษทางอาญา แต่หากข้าพเจ้า คณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษในการกันตัวข้าพเจ้าไว้เป็นพยาน โดยข้าพเจ้าไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา และไม่ต้องกลัวเรื่องการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เนื่องจากรัฐบาลได้ควบคุมหน่วยงานของรัฐต่างๆ ไว้หมดแล้ว
ทั้งยังอ้างว่ามีผู้ให้ความร่วมมือจำนวนมากแล้ว เนื่องจากบางส่วนได้รับผลประโยชน์ตอบแทน และบางส่วนถูกข่มขู่จนเกรงกลัวอิทธิพลของรัฐบาล พร้อมทั้งกำซับให้ข้าพเจ้าเก็บเป็นความลับ จะมีการเล่นงานทางการเมือง เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเกิดความกลัวและยินยอมให้ความร่วมมือเพื่อ ป้องกันภยันตรายต่อตนเองและครอบครัว รวมทั้งบุตรของข้าพเจ้า
3. ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าตามคำให้การที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้นั้น ความจริงแล้วไม่มีบุคคลใดกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการจัดทำโพยฮั้วการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ตามที่ข้าพเจ้าเคยให้การไว้แต่อย่างใด
ข้าพเจ้าได้ให้การไปตามบทที่อ้างว่ามีการคิดคำนวนทางคณิตศาสตร์ไว้ ข้าพเจ้า สันนิษฐานว่าผู้
สมรู้ร่วมคิดอาจนำคลิปการนับคะแนนไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ แล้วจัดสร้างโพยฮัวขึ้นมา เพื่อเป็นพยานหลักฐานเท็จให้สอดคล้องกับผลการเลือกตั้ง เพราะไม่มีประจักษ์พยาน และไม่มีการยึดโพยได้จาก ผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใด เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ใดก็จัดทำขึ้นได้ ในส่วนพยาน บุคคลข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลายคนได้ถูกว่าจ้างหรือถูกข่มขืนใจ บังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวงหรือกระทำการโดยมิชอบด้วยประการใดๆ เช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ถูกบังคับ ขู่เข็ญ เพื่อจัดตั้งบุคคลมาให้การเป็นพยานเท็จตามที่มีการสมคบ คิดวางแผนไว้อย่างเป็นกระบวนการ
4.ผลของการแทรกแซงหน่วยงานของรัฐข้างต้น และพยายามใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ
กระทรวงยุติธรรม เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เป็นเหตุให้สมาชิกวุฒิสภารวมชื่อมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติสั่งให้ พันตำรวจเอกทวี สอดส่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรมเฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ และรองประธานกรรมการคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา82 วรรคสอง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
5. เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ข้าพเจ้ารู้สึกในความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ของตนเองและครอบครัว เนื่องจากกลุ่มคณะบุคคลที่สมรู้ร่วมคิดซึ่งมีการข่มขืนใจ บังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวง ให้ข้าพเจ้าให้ถ้อยคำใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีอำนาจในรัฐบาลแล้ว จึงเป็นเหตุที่ข้าพเจ้าต้องการแก้ไขข้อความให้ตรงกับความเป็นจริง จึงขอให้ถ้อยคำเพิ่มติมเป็นหนังสือเพื่อแก้ไขข้อความดังกล่าวต่อไป
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามิได้มีเจตนาใส่ร้ายบุคคลอื่นให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียง และมิได้เจตนาจะให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งมีอำนาจสืบสวนสอบสวนเพื่อให้บุคคลใด ให้รับโทษทางอาญา แต่การให้ถ้อยคำของข้าพเจ้าเกิดจากการถูกข่มขึ้นใจ บังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวง ข้าพเจ้าให้ถ้อยคำพาดพิงใส่ร้ายตามบทที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และข้าพเจ้าขอยืนยันว่าถ้อยคำของข้าพเจ้าในครั้งนี้ เป็นความสัตย์จริงทุกประการคำให้การใดๆ ที่ขัดหรือแย้งกับคำให้การครั้งนี้ ให้ถือคำให้การครั้งนี้ เป็นคำให้การที่ถูกต้องและเป็นความสัตย์จริงทุกประการ และข้าพเจ้าไม่ประสงค์ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด อนึ่ง ข้าพเจ้าได้แจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นไว้แล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น