“ไอติม” ยัน ปชน.ให้น้ำหนักเท่ากัน ทั้งแก้ รธน.-ปราบสแกมเมอร์ ขีดเส้น 3 เงื่อนไข หากรัฐบาลไม่เปิดสมัยวิสามัญภายในสิ้นปี พร้อมยื่นซักฟอกทันที แจงแทน “ศิริกัญญา” ย้ำพรรคตรวจสอบต่อเนื่อง เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง
วันที่ 10 พ.ย. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจุดยืนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรค ว่า ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เราพร้อมใช้ทุกกกลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย โดยมีเงื่อนไขชัดเจนใน 3 ข้อขั้นต่ำที่จะใช้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ 1. ถ้ารัฐบาลนี้อยู่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 คือมีวันที่ 121 ก็แสดงว่าอยู่เกิน 4 เดือน ตามข้อตกลงใน MOA ซึ่งถ้าไม่มีการยุบสภา เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที 2. หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อปลดล็อกการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สำเร็จในชั้นของสภาในสิ้นปีนี้ เราก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน เพราะถ้าจะให้เสร็จในวาระ 3 ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระ 2 เป็นขั้นต่ำ เพื่อถ้าไปรอให้เปิดสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. แล้วค่อยมาพิจารณาวาระ 2 และต้องรอ 15 วันถึงจะพิจารณาวาระ 3 ได้ ก็ไม่ทันสิ้นปี ดังนั้น การที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดหรือไม่เปิดสมัยวิสามัญ ก็บ่งบอกได้แล้วว่ารัฐบาลจริงใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน
ดังนั้น หากไม่จริงใจ เราก็พร้อมใจกลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ 3. ขอย้ำ 2 เงื่อนไขเบื้องต้น ไม่ได้เป็นการตีเช็กเปล่าให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เพราะหากมีการดำเนินนโยบายหรือทำอะไรที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส หรือมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็อาจจะยื่นอภิปรายได้อย่างเร็วที่สุดในเชิงธุรการต้องรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค. ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บข้อมูล
เมื่อถามว่าหากยื่นอภิปรายไปแล้ว ต้องใช้เวลาคุยเรื่องวันอภิปราย 1 เดือน ซึ่งจะชนกับวันครบกำหนด MOA พอดี คือสิ้นเดือน ม.ค. จะทำอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า กระบวนการ เมื่อยื่นไปแล้วกรอบเวลาจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือกัน ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่เราก็เคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน มี สส.เกิน 100 คน เขาก็มีสิทธิ์ยื่นได้ด้วยตัวเอง ตนคิดว่าหากเรามีเป้าหมายที่ตรงกัน ก็ควรจะมีการหารือกันว่าแต่ละพรรคมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร ก็จะเป็นประโยชน์
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะดำเนินการอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สมมติว่าเราเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค. เราจะรู้ก่อนหน้านั้นแล้ว ว่าจะเปิดประชุมวิสามัญหรือไม่ ถ้าไม่เปิดก็ผิดเงื่อนไข 2 ชัดเจน เพราะไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญผ่านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีได้ แต่ถ้าเปิดสมัยวิสามัญพิจารณาวาระ 2 เสร็จก่อนวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งในช่วงรอ 15 วันก่อนเข้าวาระ 3 ถ้าเราตัดสินใจรอก็รอ แต่ถ้ามีเหตุอื่นที่ไม่สามารถรอ 15 วันได้ ก็เป็นสิทธิ์ที่พรรคการเมืองจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และหากวาระ 3 ในปลายเดือน ธ.ค. ไม่ผ่านสภา เราก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
เมื่อถามว่าแบบนี้พรรคประชาชนเห็นว่าแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญกว่าสแกมเมอร์หรือไม่ เพราะพอเป็นเรื่องนี้จะยื่นอภิปรายทันที นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราให้น้ำหนักทั้งคู่ เพราะท้ายที่สุด พรรคประชาชนเรายึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เหตุผลที่ทำ MOA ขึ้นมา เพราะคิดว่าถ้าสำเร็จผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว หรือปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเราเชื่อว่าจะได้กติกาและระบบการเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้น แต่เมื่อต้องใช้อย่างน้อย 2 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ MOA เป็นจริง เรามองว่าถ้า 2 เดือนข้างหน้าต้องแลกมากับความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชนในมิติอื่นๆ เราต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่าคนที่โดนวิจารณ์มากที่สุดคือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เพราะระบุว่ายังไม่เห็นความผิดที่ร้ายแรงของรัฐบาลจนต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรคประชาชนก็พยายามตรวจสอบและชี้ให้เห็นว่ามีข้อกังขาอะไรบ้าง เกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล และสิ่งที่พรรคสื่อสารออกมาชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องสแกมเมอร์ เราจะตรวจสอบต่อไป และเมื่อสภากลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค. เราจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังและตอบข้อครหาของสังคมได้มากแค่ไหน รวมถึงผลประโยชน์ทับซ้อนและการเปิดสมัยวิสามัญหรือไม่ ซึ่ง 2 ข้อมูลนี้จะนำมาประกอบการตัดสินใจของพรรค


