นายกฯ เยือนโรงเรียนเก่า “อัสสัมชัญบางรัก” กราบอดีต ผอ.-คุณครู ตอกย้ำสายสัมพันธ์ ลั่นความเป็น นร.อัสสัมชัญ ปลูกฝังให้เกรงกลัวละอายต่อการทำชั่ว เล่าความหลังเคยติดศูนย์คณิตฯ เกือบได้เป็นโจร ถ้าไม่ถูกเคี่ยวเข็ญ ปลูกฝังแรงบันดาลใจเรียนอังกฤษ ใส่หูฟังจินตนาการจนได้เป็นนักบิน สอนนักเรียนใช้ Chat GPT แทนลอกการบ้าน ชื่นมื่นร่วมวง AC BAND โชว์เป่าแซกโซโฟน ขณะน้องๆ รุมจับมือกรี๊ดต้อนรับ ถามวิธีได้เป็นนายกฯ
เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 10 พ.ย.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยมี ภราดา ดร.เดชาชัย ศรีพิจารณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ พลเรือเอกประพฤติพร อักษรมัต นายกสมาคมอัสสัมชัญ รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต คนึ่งสุขเกษม นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอัสสัมชัญ พร้อมผู้บริหาร คณาจารย์นักเรียน และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ เขตบางรัก กรุงเทพฯ โดยโรงเรียนอัสสัมชัญได้ ขึ้นป้ายต้อนรับ ข้อความว่า "วันแห่งความภาคภูมิใจของชาวอัสสัมชัญ" ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีถือเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนอัสสัมชัญ เลขประจำตัว 25684 สมัยมัธยมปลาย รุ่น 98 และ โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ร้องเพลงสดุดีอัสสัมชัญร่วมกับครูและนักเรียนดังกล่าวด้วย
นายอนุทิน ได้ถ่ายรูปกับผู้บริหารแสดงความเคารพและวางดอกไม้ ที่หน้าอนุสาวรีย์บาทหลวงเอมิล อออกัสต์ กอลมเบต์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญ และและเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ผู้แต่งหนังสือดรุณศึกษา และเดินเข้าโรงเรียนผ่านซุ้มธงโรงเรียน จากนั้นเดินทักทายนักเรียน ในฐานะรุ่นพี่ โดยนักเรียนหลายคนตื่นเต้น และขอเข้ามาจับมือนายอนุทิน ก่อนจะได้นำพวงมาลัยมาไหว้ อดีตผู้อำนวยการและคุณครูที่เคยสอนในอดีตหลายท่าน
จากนั้นประกอบพิธีถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
นายอนุทิน ได้ขึ้นเวทีเล่าถึง "ชีวิตในรั้วโรงเรียน อัสสัมชัญ" และให้โอวาทแก่นักเรียนปัจจุบัน ว่า ตื่นเต้น ถึงแม้ว่าจะเคยเจอคนเป็น หมื่นมาแล้ว แต่ไม่ตื่นเต้นเท่าที่นี่ เพราะยังกลัวคุณครู มาสเซอร์ และมิส หลายคน ก่อนจะเล่าถึงเล่าวีรกรรมตอนเรียน สมัยที่ตนเรียนอยู่ในชั้น ของ มาสเซอร์ไพโรจน์ รัศมีมารีย์ ตนได้คณิตศาสตร์ 0 คะแนน แต่นั่นทำให้เรามีความต้องการเอาชนะ ซึ่งสุดท้ายอีก 3-4ปี ตนก็แก้ได้ และได้เรียนวิศวะจนจบ ส่วน มิสสุดาอร สัจธรรม เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ป.1 ที่เพิ่งเข้ามาเรียน ซึ่งเปรียบเสมือนแม่และคอยดูแลเด็ก ก่อนจะยอมรับว่าเข้าเรียนช่วงแรกร้องไห้อยากกลับบ้าน และยังได้แรงบันดาลใจจากโรงเรียนนี้ ในการเรียนภาษาอังกฤษ ต้องใส่หูฟัง ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สนใจภาษาอังกฤษเท่าไหร่ แต่ได้ลองกดปุ่มต่างๆ บนโต๊ะ ทำให้เกิดจินตนาการ สมมติ ว่าตนเองเป็นนักบิน จนมาวันนี้ได้นักเป็นนักบินและขับเครื่องบินจริงๆ และทำประโยชน์ให้กับประเทศส่งมอบอวัยวะสำคัญให้กับประชาชน
ส่วนมาสเซอร์ พนาเวศ หลายรัตน์ ผูกพันที่สุด เปรียบเสมือนเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในโรงเรียน พอได้ 49 คะแนน มาสเซอร์ปัดให้เป็น 51 ด้วยความเมตตาและเรียกแม่ของตนมา ให้เคี่ยวเข็ญ ตนเองให้มากกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้เป็นโจรแน่นอน ทั้งนี้โรงเรียน อัสสัมชัญบ่มเพาะให้พวกเรา เป็นผู้เป็นคนเติบโตมั่นคง เป็นคนที่ดี ที่สำคัญนักเรียนอัสสัมชัญ ทำให้ละอายและเกรงกลัวต่อการทำชั่วทำผิดทำไม่ดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้พวกเราทุกคนเป็นผู้เป็นคน ได้ดิบได้ดี เติบโตด้วยความมั่นคง ที่สำคัญที่สุด คือความเป็นนักเรียนอัสสัมชัญ ทำให้เราเกรงกลัวละอายต่อการทำชั่ว ทำผิด ทำไม่ดี เพราะการปลูกฝังของอัสสัมชัญ ตั้งแต่เข้า ป.1 มาสายไม่ได้ ถ้ามาสาย ลูกท่านจะถูกตี ขอให้น้องๆ จำไว้ว่าอีก 10 ปี เราจะมานั่งนึกว่าเราโชคดีมากเลย ที่เราได้มาร้องเพลงชาติ ร้องเพลงอัสสัมชัญ ตอนเย็นวันศุกร์ได้ร้องเพลงสดุดีมหาราชา ปลูกฝังแบบนี้มาเป็นเวลา 10 ปี เราต้องภาคภูมิใจในสถาบันของเรา ทั้งสถาบันการศึกษา สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนอัสสัมชัญลายมือสวย อ่านได้ทุกคน รุ่นตอนใช้ปากกาคอแร้งเส้นขึ้น ต้องบางเส้น ลงต้องหนา แล้วถ้าทำไม่ได้ต้องคัดเป็นเล่มๆ ซึ่งทำให้เรามีความละเอียดมีความระมัดระวัง เป็นการปลูกฝังเป็นนิสัย ทุกวันนี้ตนดีใจมาก ตนอยู่ในกระทรวงหรือในทำเนียบรัฐบาล ลูกน้องมักจะเดินมาบอกว่าลายมือท่านอ่านง่ายสวยจัง ตนบอก “มาจากอัสสัมชัญครับ” และตนไม่ใช้ปากกาลูกลื่น แต่จะใช้ปากกาหมึกซึมจนติดเป็นนิสัยถึงทุกวันนี้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อว่า เราจะรู้ก็ต่อเมื่อหลุดจากรั้วไปแล้ว เล่นดนตรีได้มีวินัย เวลาที่ตนต้องไปยืนรับเสด็จตามหน้าที่ ตนสามารถยืนหลังตรงได้ เพราะอัมสัมชัญสอนมา และวิชาความรู้จะนำพาให้เราไปสู่อนาคตที่ดี และเมื่อจบไปแล้วเจอกันอัสสัมชัญ รุ่นพี่รุ่นน้อง เปรียบเหมือนเกตเวย์ถูกเปิดออก จากยากเป็นง่าย หนักเป็นเบา ความใกล้ชิดเกิดแล้ว เราพยายามสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีหรอก เป็นกลาง เข้าข้างอัสสัมชัญเสมอ ฝากให้น้องๆได้ซึมซับ ว่าแล้ววันหนึ่งเราจะกลับมายินดีปรีดาที่เราได้เรียนที่สถาบันแห่งนี้ ทุกวันนี้กลางคืนนานๆที ยังฝันว่าถูกมาสเตอร์ตี ตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกท่วมตัวด้วยความกลัว เพราะมันปลูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และเวลาทำงานก็จะนึกถึงว่า ทำไม่ดีไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้จะถูกตี รวมถึงทำให้เรามีระเบียบวินัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์ในหน้าที่การงานทั้งหมดได้จากอัสสัมชัญ ฝากน้องๆทั้งหลาย ต้องเพิ่มวินัยให้กับตนเอง และใฝ่รู้ให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในอนาคตที่มีการแข่งขันมากมายได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราสามารถหาสิ่งที่เราไม่รู้ได้ทุกวันนี้ไม่ต้องลอกการบ้านเพื่อนแล้ว เปิด google อย่างเดียว หรือ Chat GPT เขียนออกมายิ่งกว่าครูเขียนอีก แต่เราต้องเรียนรู้ และเข้าใจให้มากขึ้นเพราะไม่มีคนมาเคี่ยวเข็นเราอีกแล้ว อย่าลืมหาโอกาสคิดถึงบ้านเมือง คิดถึงประเทศ คิดถึงอนาคตของพวกเรา คิดถึงคุณพ่อคุณแม่หรือลุงๆ ที่จะต้องพึ่งพาให้น้องๆ ได้ดูแล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้อยู่ได้ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ดี เมืองไทยหรือประเทศไหนก็ตาม ก็จะเปลี่ยนผ่านไปทีละยุค ก็ต้องฝากประเทศนี้ไว้กับมือของลูกๆหลานๆ อัสสัมชัญรุ่นปัจจุบันนี้ทุกคน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อาจารย์ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และทำให้ประเทศมีความเจริญตลอดไป
จากนั้นมีนักเรียนรุ่นปัจจุบัน ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีว่า หากอยากเป็นนายกฯต้องทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี จึงตอบว่า อยากเป็นนายกฯ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เคารพพ่อแม่ และครูบาอาจารย์รักษาวินัยใฝ่รู้ ตั้งมั่น เราอยากเป็นอะไรต้องตั้งเข็มไปทางนั้น ทุ่มเทให้เต็มที่ ก็จะประสบผลที่เราคาดหวังไว้ได้อย่างไม่ยาก
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบรูปภาพ และ ผ้าพันคอ รุ่น AC 98 จากศิษย์เก่ารุ่น AC 98
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชม หอเกียรติยศแห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ และศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีการบินและอวกาศและเทคโนโลยีขั้นสูง บริเวณ ชั้น 3 อาคารนักบุญหลุยส์-มารีย์ พร้อมสาธิตการขับเครื่องบินจำลอง และพบปะนักเรียนปัจจุบันระดับชั้น ม.ปลาย ที่ หอประชุมหลุยส์-มารีย์ แกรนด์ฮออล์ โดยร่วมเล่นดนตรี เป่าแซกโซโฟน กับวงดุริยางค์โรงเรียนอัสสัมชัญ (AC BAND) ในเพลง "สดุดีอัสสัมชัญ" และ เพลง "Stars and Stripes Forever" จากนั้นได้ร่วมให้กำลังใจนักฟุตบอลโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่จะเข้าแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีครั้งที่ 31 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 15, 17, 19 และ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นศิษย์เก่าโรงเรียน อัสสัมชัญ เลขประจำตัว 25684 รุ่น 98 เข้าเรียนในปี 2515 ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นนักดนตรีในวงค์ดริยางค์โรงเรียนอัสสัมชัญ (AC BAND) ท่านได้รับเลือกเป็น "อัสสัมชนิกดีเด่น" ในโอกาสโรงเรียนอัสสัมชัญ ครบรอบ 135 ปี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 สำหรับร.ร.อัสสัมชัญ มีศิษย์เก่าที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ 4 คน ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา , หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช , พันตรีควง อภัยวงศ์ , ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ (ปี2518) ล่าสุด คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นศิษย์เก่าร.ร.อัสสัมชัญ ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรอบ 50 ปี


