นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เผยผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้น พร้อมผนึกกำลังสู่ความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัลและพลังงานสะอาด
วันนี้ (วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568) เวลา 15.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ สิงคโปร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ณ โรงแรม InterContinental สาธารณรัฐสิงคโปร์ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังภารกิจการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ โดยได้มีโอกาสพบหารือกับ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การลงทุน พลังงาน ดิจิทัล และสาธารณสุข เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศและความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและสิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมายาวนาน โดยสิงคโปร์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะมุ่งเน้นการใช้ศักยภาพของทั้งสองประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากสิงคโปร์มีความพร้อมด้านทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ ขณะที่ประเทศไทยมีทรัพยากรและพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตและการลงทุน ซึ่งหากผนึกกำลังกันจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ซึ่งไทยมีศักยภาพเป็น “ครัวของโลก” พร้อมผลักดันการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า ขยายตลาดและสร้างห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มในภูมิภาค โดยมีไทยเป็นฐานการผลิตและสิงคโปร์เป็นพันธมิตรด้านการตลาดและการลงทุน
ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยและสิงคโปร์ยังตกลงพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะระบบการชำระเงินดิจิทัล เช่น การเชื่อมโยงระบบ “พร้อมเพย์” ของไทยกับ “PayNow” ของสิงคโปร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งเสริม start-up ในภูมิภาค
ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยและสิงคโปร์จะร่วมกันผลักดันโครงการไฟฟ้าเชื่อมโยงระยะที่ 2 ระหว่างลาว–ไทย–มาเลเซีย–สิงคโปร์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับภูมิภาคอาเซียน โดยจะใช้ศักยภาพของทั้งสองประเทศในการผลิตและแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานได้ในราคาที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงจากกลไกตลาดโลก
ในด้านความมั่นคงทางเทคโนโลยี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชนในภูมิภาค โดยประเทศไทยประกาศความพร้อมที่จะจัดงานประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เทคโนโลยี และแนวทางความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนสิงคโปร์ในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการจัดกิจกรรม “SET Government Roadshow 2025” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย พร้อมยืนยันว่าพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแกร่ง ทั้งในด้านการเงิน การลงทุน และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายให้ต่างชาติเห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค
สำหรับด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับองค์กรทางการแพทย์ของสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะด้านการดูแลผู้สูงอายุและการแพทย์ป้องกัน ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของสังคมสูงวัยในประเทศไทย พร้อมย้ำว่าผู้สูงอายุควรเป็น “ทรัพย์สินของประเทศ ไม่ใช่ภาระของสังคม” และรัฐบาลจะสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การเยือนสิงคโปร์ในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือไทย–สิงคโปร์ ที่ไม่เพียงตอกย้ำความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศ แต่ยังเปิดประตูสู่ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล พลังงาน และสาธารณสุข เพื่อยกระดับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนและสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ


