xs
xsm
sm
md
lg

“จุลพันธ์” ยันเพื่อไทยยื่นซักฟอกตามระบบ เหน็บ “อนุทิน” อย่ากลัวจนยุบสภาหนี ยังไม่เคาะ 12 ธ.ค.ยื่นเลยหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จุลพันธ์” ชี้ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกตามระบบ “อนุทิน” อย่าอารมณ์ร้อนชิงยุบสภาหนี กลัวถูกด่าฟรี เผย ยังไม่กำหนดไทม์ไลน์ 12 ธ.ค.ยื่นเลยหรือไม่ ขอรัฐบาลอย่าเอาแก้รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ลั่นปราบสแกมเมอร์ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ ชี้ ไม่ใช่แค่ปลดรัฐมนตรี เหตุทำงานไม่ตอบโจทย์

วันนี้ (7 พ.ย.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะมีการยุบสภา เพราะไม่อยากถูกด่าฟรี ว่า ตนมองว่าช่วงนี้นายกรัฐมนตรีอาจจะอารมณ์ร้อน แต่กระบวนการตามระบบประชาธิปไตยในการยื่นญัตติ เช่น มาตรา 151 คือการตรวจสอบรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องด่าหรือไม่ด่า พวกตนตรวจสอบ เพราะเป็นฝ่ายค้าน และเมื่อใครเป็นฝ่ายค้านกระบวนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นเรื่องปกติตามระบบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นอยากให้รัฐบาลมองว่า เป็นเรื่องการตรวจสอบเป็นการตรวจการบ้านและหากมองว่าประพฤติถูกต้อง ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น เรื่องที่เขาว่ากันว่าปัดเป่า ทั้งคดี ฮั้ว สว. เขากระโดง ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องห่วง ถ้าอภิปรายไปแล้วยังเป็นหนังเรื่องเก่า เนื้อเรื่องเก่า ก็เป็นความเสียหายของฝ่ายค้านที่จะดำเนินการในการอภิปราย และเป็นเวทีเปิดสภาไม่ใช่พูดแค่ฝั่งเดียว พวกตนอภิปรายได้ท่าน ก็สามารถตอบได้หากตอบได้เคลียร์ ตอบได้ชัด ก็เป็นโอกาสของรัฐบาลในการชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่ใช่แค่กับสภาเท่านั้น แต่กับประชาชนชาวบ้านที่ได้ฟังด้วย อย่าไปมองว่า เป็นเรื่องการไปด่าหรือไม่ด่ากันแต่ที่จริงแล้วเป็นเรื่องการตรวจสอบตามระบบและตนก็ต้องมองหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างแรกคือข้อมูลการกระทำความผิดนั้นสมบูรณ์หรือยัง สำเร็จหรือยัง มีการดำเนินที่ผิดพลาดโดยรัฐบาลจริงหรือไม่ ตนก็ต้องดู

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า ต้องมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญประกอบด้วย เพราะวันนี้กรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมเดินหน้าไปอย่างช้าๆ ซึ่งตนอยู่ในกรรมาธิการด้วย มองว่า โอกาสที่จะสำเร็จเป็นไปได้น้อย เพราะบรรยากาศในที่ประชุมการอภิปรายของแต่ละฟากฝั่งอ่านกันออก ว่าโอกาสที่จะผ่านวาระ 3 มีมากน้อยเพียงใด หากติดตาม บันทึกการประชุม ซึ่งไม่ใช่ความลับเป็นที่เปิดเผยจะรู้ว่าใครพยายามผลักดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมันติดขัดอะไร สุดท้ายไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน เพราะพวกตน ต้องดูผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พวกเราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันนี้แน่นอน ตนเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนถึงแม้จะเข้าสู่กระบวนการ MOA และตั้งรัฐบาลมา เขาก็ต้องดูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน และดูความคาดหวัง ความสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด หากทิศทางเป็นไปได้ยาก ในการจะผ่านแนวโน้ม MOA มันไม่สำเร็จก็เป็นไปได้ อาจจะมีกระบวนการมาพูดคุยกัน เรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพวกตนยืนยันว่า เราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มันไม่สามารถหยุดการทำงานของพวกเราในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศจากการทุจริต คอร์รัปชัน และการปัดเป่าคดีต่างๆ

เมื่อถามว่า หากเปิดสมัยประชุมหน้าวันที่ 12 ธ.ค. จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ไม่ได้พูดคำนั้น และยังไม่มีข้อสรุป ทางพรรคต้องมีการประชุมหารือกันกับผู้ใหญ่หลายคน เพื่อจะมาดูว่าความเหมาะสม และจังหวะเวลาคืออะไร จะดำเนินการหรือไม่อย่างไรต้องมาดูกันอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า ที่บอกว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าเกิดจากปัจจัยเกิดจากอะไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนพูดแต่แรกว่ากรอบเวลา 4 เดือนกระชั้น กฎหมายประชามติกำหนดว่า การทำประชามติ เมื่อรัฐสภาส่งเรื่องไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วันไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างน้อยต้องมีระยะเวลาที่ถอยร่นมา กระบวนการลงมติวาระ 2 และวาระ 3 รัฐธรรมนูญกำหนดต้องห่างกัน 15 วัน เพราะฉะนั้นพวกตนคำนวณมาตั้งแต่ต้น และพูดในวันอภิปรายวาระ 1 ควรจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18-19 พ.ย.เพื่อลงมติวาระ 2 ช่วงวันที่ 20 พ.ย. และวันที่ 8 ธ.ค. ลงมติวาระ 3 เพื่อที่การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทันกรอบเวลา แต่ดูการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการบางฝ่ายยังไม่เร่งรัด อย่างที่เราต้องการ พวกตนพยายามเร่งรัด ก็ดูจะเชื่องช้านิดหนึ่ง รวมถึงข้อคิดเห็นในลักษณะที่เป็นอุปสรรค เช่น มีบางฝ่ายเสนอว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการ ครบถ้วนแล้วก่อนไปลงประชามติ ต้องให้ความเห็นชอบในรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยากให้คงสัดส่วนสมาชิกวุฒิสภาในการเห็นชอบ 1 ใน 3 ไว้ เมื่อฟังแบบนี้ก็รู้แล้วว่าโอกาสยาก เพราะเราเห็นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา เป็นปัญหามาตลอดเป็นจำนวนที่เราหาลำบาก
เมื่อถามว่า ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายรัฐบาลและ สว.ด้วยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมความคิดเห็นอาจล้อกันไปในหลายประเด็น ทั้ง สว. และสส.ฝั่งรัฐบาล

เมื่อถามถึงกรณีที่เรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอาจจะถูกกังวลที่อาจจะถูกโจมตีเรื่องสแกมเมอร์ขณะที่ นายรังสิมันต์โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ปลดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากตำแหน่ง ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ดำเนินการเรื่องปราบสแกมเมอร์อย่างเข้มข้น ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ที่สามารถลดปริมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของสแกมเมอร์ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล ในช่วงแรกพรรคเพื่อไทยก็จับตาดู เพราะตัวเลขความเสียหายของประชาชนเริ่มสูงขึ้น ซึ่งเมื่อมีรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมก็ปรากฏว่ากระบวนการที่จะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังกลับไม่เห็น ซึ่งเราจะติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและจะเร่งรัดให้รัฐบาลไปดำเนินการในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์

“พวกเราไม่ได้พุ่งเป้าไปพรรคใด ไม่ได้บอกว่าเป็นพรรคของร.อ.ธรรมนัส หรือพรรคของนายอนุทิน ซึ่งผมเข้าใจว่าข้อเรียกร้องของคุณโรม คือให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี แต่ผมมองว่าต้องเปลี่ยนตัวที่ตัวนายกฯนั่นแหละ เพราะว่ากระบวนการในการทำงานของท่านนายกฯ ที่ผ่านมาไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้”


กำลังโหลดความคิดเห็น