รมต.สำนักนายกฯ รับพายุคัลแมกีเข้าอีสานก่อน แต่กระทบหนักเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่วน กทม. สามารถรับมือได้ ถ้าเขื่อนปล่อยน้ำไม่เกิน 3000 ลบ.ม.ต่อวินาที เผย นายกฯ สั่งดูแนวทางเยียวยาผู้ที่น้ำท่วมขังเกิน 30 ไม่เกิน 60 วัน และ เกิน 60 วันขึ้นไป
วันนี้ (4 พ.ย.) นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมสถานการณ์น้ำ ว่า เมื่อเช้านี้นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในคณะรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพื่อรับมือกับสถานการณ์พายุคัลแมกีที่กำลังจะเข้ามา โดยตนได้นำเรื่องแจ้งในที่ประชุมน้ำด้วย โดยมี สทนช. กรมชลประทาน สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมประชุม ซึ่งจากที่ฟังประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่าพายุคัลแมกี น่าจะเข้าประมาณวันที่ 6, 7 หรือ 8 พฤศจิกายน น่าจะเข้าที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ก่อน ซึ่งจากการประเมินของกรมชลประทาน กรมอุตุฯ และ สทนช. พื้นที่อีสานไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เพราะยังมีพื้นที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล รองรับอีกพอสมควร
แต่หลังจากที่พายุเคลื่อนตัวจากภาคอีสาน ไปที่ภาคเหนือตอนล่าง โซน จ.สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ ตรงนี้น่าเป็นห่วงพอสมควร สำหรับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งปิง วัง ยม น่าน ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะสถานการณ์ของลุ่มน้ำเจ้าพระยาขณะนี้ยังอยู่ในภาวะตึงตัวจากพายุหลายลูกครั้งก่อน ซึ่งถ้าคัลแมกีเข้ามาอีก ก็จะเป็นลูกที่ 7 เพราะฉะนั้นภาคเหนือตอนล่าง กับภาคกลางตอนบน น่าจะหนักพอสมควร ก็คงต้องรับมือกับสถานการณ์ที่หนักพอสมควร โดยกรมชลประทานประเมินว่า การปล่อยน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะพยายามควบคุมไม่ให้เกิน 2500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ก็ได้ขอกรอบจากทางคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ ขยับขึ้นไปจาก 2500 เป็น 2700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะพยายามพยายามจัดการให้ไม่เกิน 2500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที บริหารน้ำทางด้านซ้ายด้านขวา และเอาไปเก็บไว้ในทุ่ง ซึ่งให้แนวทางไว้ว่าต้องมีเกณฑ์ช่วยเหลือเยียวยาด้วย อย่าให้คนที่อยู่ในทุ่งได้รับผลกระทบเพิ่มเติม แต่ให้เก็บในปริมาณที่สามารถเก็บได้ เพื่อหน่วงน้ำและรับน้ำก้อนใหม่ที่จะมาจากภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งคาดว่าระดับน้ำจะพีกช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
เมื่อถามว่า พื้นที่กรุงเทพฯ จะรับมือจากการปล่อยน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ได้ประเมินว่าถ้าน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ถ้าปล่อยมาที่ 2500 ไม่เกิน 2700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะอยู่ในระดับที่ กทม. สามารถรับมือได้ กรุงเทพฯ ถ้าจะได้รับผลกระทบจริงๆ เขื่อนเจ้าพระยาต้องระบายน้ำ 3000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงจะได้รับความเดือดร้อน
เมื่อถามว่า พื้นที่ภาคกลางตอนล่างที่พายุจะเข้า จะท่วมหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า พายุจะเข้าแถวภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งฝนที่ตกจะลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้บอกไปว่าพยายามที่จะควบคุมน้ำไว้ที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายมาไม่เกิน 2500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ขณะนี้ระบายอยู่ที่ 2300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถ้าเทียบเป็นเซนติเมตรก็น่าจะเพิ่มอีกประมาณซัก 20 เซนติเมตร ซึ่งกรมชลประทานยืนยันว่าจะพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุด
สำหรับการเยียวยาการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทางรัฐบาลได้มีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงิน 6000 กว่าล้านบาท ให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายประมาณ 600,000 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งทาง ปภ. ได้เร่งรัดจ่ายอยู่ ซึ่งเมื่อเช้านี้นายกฯ ได้กำชับในที่ประชุมอีก ให้ ปภ. ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งรัดจ่ายเงินให้ประชาชนให้ได้เร็วมากที่สุด
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ท่วมขังเป็นเวลานานหรือเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน และอีกกลุ่มจะเป็นกลุ่มที่เกิน 60 วันขึ้นไป รัฐบาลกำลังหาแนวทางช่วย ซึ่งนายกฯ ให้ไปหาแนวทางว่าจะเยียวยาให้กับกลุ่มนี้เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง เพราะเขาต้องอยู่ในบ้านน้ำท่วม 60-90 วัน ก็หนักพอสมควร
เมื่อถามว่า ถ้าพายุคัลแมกีผ่านไปแล้ว จะมีพายุลูกใหม่เข้ามาอีกหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ได้มีการสอบถามจากกรมอุตุฯ และ สสน. ว่า หลังจากนี้จะมีอีกหรือไม่ ซึ่งทราบว่าทางตอนเหนือของจีน เริ่มจะมีมวลอากาศเย็นลงมาพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากพายุลูกนี้ไป พื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง และพื้นที่ภาคกลาง อาจจะไม่มีฝนแล้ว แต่พื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป ซึ่งก็กำชับในที่ประชุมเช่นเดียวกันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ทั้ง ปภ. และกรมชลประทาน
เมื่อถามว่า คนกรุงเทพฯ ฝากถาม หลายพื้นที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมขัง ได้ประสานกับสำนักงานระบายน้ำอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า เข้าใจว่า ทาง กทม. คงจะบริหารจัดการ ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นได้รับผลกระทบมากพอสมควร แต่จะไม่เหมือนกับพื้นที่ต่างจังหวัด โดยใน กทม. เป็นเหมือนกับน้ำรอการระบาย แต่เป็นการรอระบายบนถนน จึงเกิดผลกระทบกับประชาชนที่สัญจรไปมามากพอสมควร
เมื่อถามว่า จะมีประสานรถยกสูงขนาดใหญ่ นำส่งประชาชน ที่ไม่สามารถกลับบ้านได้หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา และจะประสานกับทาง กทม. และ ปภ. ว่าจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้แบบไหนบ้าง


