"อนุทิน" ลงนามMOUโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เดินหน้า Quick big win เพิ่มทางเลือกปชช.ใช้บริการรพ.เอกชน หวังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายคนไทย ยกระดับการแพทย์ไทย ชี้เซฟได้ถึง 30,000 ล. นำงบไปใช้ประโยชน์ประเทศได้อีกมาก ชมภาครัฐเอกชนปราดเปรื่อง ขอผุดโครงการเพิ่มเพื่อปชช.-ประเทศ
วันนี้ (4พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติ ไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออ(Memorandum of Understanding : MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอต้อนรับสู่ทำเนียบรัฐบาลและวันนี้ทุกท่านได้มาร่วมในโครงการที่เป็นประโยชน์ยิ่งสำหรับพี่น้องประชาชนคือโครงการ "สุขกายสบายกระเป๋า" ซึ่งพวกเราทุกคนมาในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยาน ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นมาขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพครั้งสำคัญของประเทศไทย ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ครั้งยิ่งใหญ่รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลของรัฐมีผู้ป่วยรอรับการรักษาจำนวนมาก ในขณะที่การใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนยังคงมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทั้งค่ายาและค่าเวชภัณฑ์เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายที่ต้องการลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในเรื่องการรักษาพยาบาลโดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกัน
นายกฯ กล่าวว่า ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านในโอกาสนี้ด้วย โครงการสุขกายสบายกระเป๋า ถือเป็นโครงการหนึ่ง ในภารกิจ Quick big win ที่รัฐบาลนี้เน้นกระตุ้นสร้างให้ได้ผลยาวและกระจายตัวโดยให้โรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยรายการยาและค่ายา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับบริการที่โรงพยาบาลเอกชน อย่างชัดเจนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาลนั้นๆหรือนอกโรงพยาบาลก็ได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนและสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ป่วยได้
ทั้งนี้ในภาพรวมจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มมากขึ้นด้วยขณะเดียวกันลดความแออัดในโรงพยาบาลของรัฐ และวันนี้มี 4 หน่วยงาน ที่เป็นตัวผลักดันให้โครงการสุขกายสบายกระเป๋าได้ดำเนินการเป็นรูปธรรม คือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่เราจะมาร่วมลงนาม MOU ด้วยกัน ซึ่ง MOU ส่วนนี้จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันในการแสดงรายละเอียดใบสั่งยาของโรงพยาบาลเอกชนอย่างถูกต้องและครบถ้วนโดยแสดงรายการยาก็บ่งใช้ยา เพื่อให้ผู้รับบริการมีข้อมูลตัดสินใจในทางเลือกว่าจะซื้อยาในโรงพยาบาลเอกชนหรือจะนำใบสั่งยานี้ไปซื้อยาด้วยตนเองที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาล
นายกฯ กล่าวว่า ตนมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 300 แห่งและมีร้านขายยาจำนวนมากกว่า 3,400 แห่ง ซึ่งทำการลงทะเบียนกับอย.และมีตราสัญลักษณ์โครงการสุขกายสบายกระเป๋า เตรียมพร้อมที่จะให้บริการแก่พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถรับบริการผ่านช่องทางเทเลฟามาฟี ที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรมได้ด้วย และนโยบายนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมด้านราคาและมั่นใจได้ว่าตัวเองได้ซื้อยาจากร้านขายยาที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน ได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเยอะมากเราสามารถนำเงินจำนวนมากขนาดนี้ไปสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และพัฒนาประเทศได้อีกหลายอย่าง รวมถึงการยกระดับการบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวด้วยว่า โอกาสนี้ขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนขอบพระคุณบุคลากรทางการแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่ทั้งภาคเอกชนและภาคราชการหรือร้านขายยาที่มีส่วนผลักดันในโครงการนี้ เพื่อจุดมุ่งหมายให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือกได้รับบริการด้านการแพทย์การสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้นและเปิดโอกาส ทำให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการสุขกายสบายกระเป๋า
"รัฐบาลเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในครั้งนี้จะทำให้ระบบการสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งเป็นระบบที่มีความเข้มแข็งมาโดยตลอดในระดับต้นๆของโลกเป็นการให้บริการที่เข้าถึงพี่น้องคนไทยทุกคน แม้กระทั่งชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยทำมาหากินอยู่ในประเทศไทย เราสามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพวกเขาสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนชาวต่างชาติ ที่มีความมั่นใจต่อประเทศไทย ได้มั่นใจเพิ่มมากขึ้น เป็นการยกระดับการพัฒนาระบบสุขภาพและอุตสาหกรรมทางการแพทย์ให้ก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งด้วย ผมในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและอดีตและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รู้สึกดีใจแทน ต้องขอแสดงความชื่นชมรัฐมนตรี ปลัดอธิบดี ผู้บริหาร ที่ร่วมมือกันทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้โอกาสดีๆเช่นนี้อีกครั้ง หากทำตอนที่ตนอยู่กระทรวงสาธารณสุขคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แต่วันนี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์มีภารกิจอันหนักหน่วง ที่จะต้องทำให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรง ระบบการสาธารณสุขทั่วถึงและทำให้เศรษฐกิจช่องทางการค้าการทำมาหากินของประชาชนคนไทย มีโอกาสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาส ที่ต้องถือว่าเป็นวินๆในนโยบาย Quick big win ครั้งนี้"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้ทุกท่าน มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีความคิดอันปราดเปรื่องเช่นนี้ คิดโครงการที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศไทยของเรา เพิ่มขึ้นอีกมากๆ เพื่อที่ประเทศไทยของเราก้าวหน้าและมีความมั่นคงในทุกๆมิติ ขอแสดงความชื่นชมจากใจจริงอีกครั้ง


