องคมนตรีนำคณะติดตามผล “อ่างเก็บน้ำห้วยผากฯ” หลังขุดลอกและสร้างฝายใหม่ เพิ่มน้ำต้นทุนช่วยเกษตรกรกว่า 4พันไร่ ชาวบ้านเผยมีน้ำใช้ทำกิน–เพาะปลูกตลอดปี รายได้มั่นคง ขณะที่คณะฯ เสนอจัดตั้งอาสาฝนหลวง–สหกรณ์น้ำ ต่อยอดพัฒนาที่ยั่งยืน
พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วย พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงาน กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผากอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อช่วยเหลือราษฎรบริเวณริมห้วยผากในการอุปโภคบริโภคและเพาะปลูก โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2552
อ่างเก็บน้ำห้วยผากมีความจุ 27.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 37.35 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงยาวนาน ลำคลองแห้งขอด ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอทำให้พืชผลเสียหาย เกษตรกรต้องอพยพแรงงานออกไปทำงานรับจ้างไกลบ้านครอบครัวได้รับผลกระทบ ต่อมาสำนักงาน กปร. และกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงกำหนดแผนงานโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำห้วยสามเขาแห่งที่ 2 และกิจกรรมงานขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยผากไว้ในแผนปี 2568 และได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น
นายพะเยาว์ จันทร์ช่วง ราษฎรบ้านวังข้าวสาร หมู่ 10 ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า การมีน้ำเพียงพอช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องเริ่มต้นเพาะปลูกใหม่ทุกครั้งหลังเจอภัยแล้ง ต้นไม้ยืนต้น เช่น ทุเรียน ที่ต้องใช้เวลากว่า 7 ปี จึงให้ผลผลิตไม่ถูกทำลายซ้ำ ๆ จากภัยแล้งอีกต่อไป ผลผลิตยังขายได้ราคาดี ทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งรายวัน รายเดือน และรายปี
ด้านนางสุริยาพร ใจหลัก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบล กลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทุกคนลำบากมาก แต่พอมีฝายแล้ว ชาวบ้านมีน้ำใช้ มีงานทำ คนที่มีที่น้อยก็ไปรับจ้างในแปลงใหญ่ ค่าแรงวันละ 300 บาท ถ้าทำเต็มเดือนก็มีรายได้เฉลี่ย 6,000–7,000 บาทต่อเดือน
สอดคล้องกับนายเกียรติ เหลือน้อย ราษฎรบ้านวังข้าวสาร ตำบลกลัดหนอง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ที่เล่าว่า เดิมทีต้องใช้รถเข็นบรรทุกน้ำเพื่อมารดต้นทุเรียน แต่ปัจจุบันเมื่อมีฝายเก็บน้ำ สามารถดูแลสวนได้เต็มที่ และยังขยายการปลูกผัก เช่น มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว ผลผลิตขายได้กิโลกรัมละ 80–90 บาท มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงแปลง และจากการลงพื้นที่ครั้งนี้
ปัญหาภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงที่เคยทำให้ชาวตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ขาดแคลนน้ำทำการเกษตรมานานหลายปีได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม หลายหน่วยงานร่วมกันสนองพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุขอย่างยั่งยืนของประชาชน
องคมนตรีได้เสนอแนวทางต่อยอดได้แก่ การจัดตั้ง “อาสาฝนหลวง” เพื่อช่วยกันวางแผนเติมน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ การส่งเสริมให้เกษตรกรขุดแก้มลิงในแปลงเกษตร เพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มเติมในฤดูฝน รวมถึงการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำในรูปแบบ “สหกรณ์น้ำ” และการพัฒนาแปรรูปผลผลิต โดยเฉพาะกล้วยหอม เพื่อยกระดับรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับราษฎรอย่างยั่งยืน


