ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "โจ๊ก" เผาตัวเอง ยิ่งพูดก็ยิ่งแฉตัวตนไม่ต้องมีใครเปิดโปง
ช่วงนี้ใครเปิดทีวี เปิดยูทูบ หรือแม้แต่เลื่อนฟีดเฟซบุ๊ก เล่น Tiktok ก็คงได้เห็นหน้าอดีตนายตำรวจใหญ่ ที่พูดจาติดคำว่า "นะครับนะ" เจื้อยแจ้ว แฉเรื่องนั้นแฉเรื่องนี้ เต็มไปหมด
แน่นอนว่า นั่นคือ “โจ๊ก" พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่โผล่หน้ามาให้ผู้คนเห็นในทุกช่อง จนหลายคนสงสัยว่า นี่คนเคยเป็นตำรวจใหญ่หรือ !?
ก็ไม่แปลก…เพราะข่าวลือหนาหูว่า คดีในป.ป.ช. ใกล้ถึงวันตัดสิน อีกคดีที่มีการเตรียมชง "ไล่ออก" ให้ออกจากราชการถาวร ก็เช่นเดียวกัน เจ้าตัวเลยออกมา “ดิ้นหาแสง” แบบไม่อายฟ้าดิน เสนอหน้าตัวเองทุกเวที พูดแต่เรื่อง “ผมดี…ระบบเลว” ก่นด่าเงื่อนไขชั่วๆ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเต็มๆ ที่ทำให้ “คนดีอย่างโจ๊ก” ต้องลำบาก!
แต่ยิ่งพูด…ก็ยิ่งพัง!
ดูตัวอย่างที่หลุดปากเอง กรณีเงินพัฒนาโรงพัก10 ล้าน ได้มาจากไหน?
“โจ๊ก” เล่นใหญ่ประกาศกลางรายการหนึ่งขณะให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ตัวเองเป็นตำรวจสีเทา แต่ไม่ดำ
พร้อมกับขยายความว่า สมัยตัวเองเป็น ผกก.หาดใหญ่ ลงทุนพัฒนาโรงพักด้วยเงินตัวเอง 10 ล้านบาท "เงินจากอะไรน่ะเหรอ? ก็จากคนเอามาให้ ผมหามาได้เอง เพราะหลวงไม่เบิกให้…”
“โจ๊ก” ชงเองพูดเอง แต่พูดจบ…คนที่มีโอกาสได้ฟังนั่งหัวร่องอหาย แล้วตั้งคำถามเดียวกันว่า เงินเดือน ผกก. 70,000 บาท จะไปขุดทองที่ไหนได้ 10 ล้าน ?
“พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” เพราะคงอยากอวดโอ่สรรพคุณ คุณความดีจนลืมไปว่า “เงินสีเทา–เก๋าเจี๊ยะ” คนดีๆ ที่ไหนจะยกเงินสิบล้านให้ตำรวจฟรีๆ
แทนที่จะดูเท่…ดันกลายเป็น ประจานตัวเองแบบไม่ต้องมีใครเปิดโปง!
ไม่นับเรื่องที่อวดโอ่ ผลงานจับอาชญากร นู่นนี่นั่น ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็ปราบมาเรียบ ถ้ายังเป็นตำรวจอยู่ พวกสแกมเมอร์-เว็บพนัน คงไม่มีเหมือนในวันนี้
นี่ก็ "พูดเอาดี" แต่ไม่ดูตัวเอง เพราะ ตอนนี้ “โจ๊ก” มีคดีอยู่ในมือ ป.ป.ช.หลายกรรม หลายวาระ ทั้งแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ , ร่ำรวยผิดปกติ
ไหนจะ คดีฟอกเงินเว็บพนัน BNK สงขลา- มินนี่, ใช้ตำแหน่งเอื้อผลประโยชน์
แต่แทนที่จะชี้แจง “โจ๊ก” เลือกที่จะ "ฟ้อง" คนที่ตัวเองคิดว่าเป็น "ศัตรู" ด่า ป.ป.ช. ด่า สตช. ด่าเพื่อนตำรวจทั้งองค์กรว่า “เป็นมาเฟีย ไม่โปร่งใส”
คำถามคือ…แล้วตัวเองล่ะ? ใสสะอาด หรือ กำลัง "ล้างตัว" กลางแสงสื่อ !?
เมื่อก่อนคนอาจเชื่อ แต่ตอนนี้คนรู้ทันกันหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นงานนี้ ยิ่งให้สัมภาษณ์…ยิ่งเปิดแผลเก่า หาเรื่องงามหน้าให้ตัวเอง จากที่ตัวเองบอกเองว่า เป็นคนสีเทา…ยิ่งพูดก็พฤติการณ์ตัวเองที่ประจานออกมาเริ่มเข้มเหมือนกำลังจะกลายเป็นหมึกดำ!
ระบบตำรวจอาจมีปัญหา แต่คนที่ใช้ระบบ เพื่อไต่เต้าตัวเอง แล้วหันมาเผาองค์กรทีหลัง…ก็น่าคิดว่ากำลังพูดความจริงหรือแค่ลากทั้งเรือให้จมไปกับตัวเองด้วย?
จบข่าว…แต่ยังไม่จบเกม
เพราะ “โจ๊ก” เลือกยุทธวิธีเล่าความเท็จ "เรียกแสง" เจ้าตัวคงคิดว่าจะมีประโยชน์กับคดีตัวเองกระมัง
แต่..ความจริงก็คือความจริง “โจ๊ก” ต้องไม่ลืมว่า...ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียวเสมอ.
++ “พรรคพีระพัง” ยังไปต่อ ได้ “ชัช เตาปูน” เป็นเลขาฯพรรค
พรรครวมไทยสร้างชาติ “พรรคดีเอ็นเอของลุงตู่” ที่วันนี้ สมาชิกพรรคแตกฉานซ่านเซ็น จนเหลือ “ลุงพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ยังเฝ้าพรรคอยู่
การเกิดขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ พูดได้เต็มปากว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ เป้าหมายสืบทอดอำนาจของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้า คสช. และอดีตนายกฯ
ไม่มีแนวคิด อุดมการณ์ อะไรเป็นพิเศษ นอกจากการผสมผสานระหว่างนักการเมือง “สายลุงตู่” ที่แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ กับ นักการเมือง “สายกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่แยกตัวออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี “ลูกขิง-นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เป็นแกนนำ
เมื่อตั้งพรรคแล้ว สมาชิกก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ เห็นได้ชัดว่าแยกเป็น 3 กลุ่ม โดยเฉพาะในช่วงที่ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง “คลิปเสียง” และกำลังจะมีการโหวตนายกฯคนใหม่ ซึ่งขั้วเพื่อไทย เสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” อีกขั้วเสนอชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ
“กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ออกตัวก่อนใคร ว่าจะพาสมาชิกในกลุ่มประมาณ 16 คน หนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ และเมื่อถึงเวลาโหวตจริง ก็ไม่ลังเลที่จะทำตามที่พูดไว้ และตอนนี้ เสี่ยเฮ้งได้เป็น รองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว
“กลุ่มเลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. มีท่าทีลังเลแบบ “กั๊ก” แต่สุดท้ายก็ยอมโหวตสนับสนุน “อนุทิน” โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการยืนยันจุดยืนฝ่าย “อนุรักษนิยม” แต่เมื่อออกตัวช้า เลยไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี และสุดท้ายก็ไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในภายหลังเช่นกัน
ส่วน “กลุ่มหัวหน้าพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. มีท่าทียังยืนข้างขั้วรัฐบาลเดิม โดยลึกๆ แล้วก็หวังว่า ถ้า“อนุทิน” รวบรวมเสียงไม่สำเร็จ หรือ เสียงโหวต “ชัยเกษม” ไม่ผ่าน ก็จะถึงคิวของ “พีระพันธุ์” ได้ลุ้นเก้าอี้นายกฯ ดังนั้น ในตอนโหวต “อนุทิน” กลุ่มของพีระพันธุ์ จึงงดออกเสียง
แต่บังเอิญ โหวตรอบเดียว “อนุทิน” ได้เป็นนายกฯ “พีระพันธุ์” ก็เลยฝันเก้อ
ถึงวันนี้ ชัดเจนแล้วว่า “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง- กลุ่มเลขาฯขิง” ไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแล้ว “ธนกร วังบุญคงชนะ” ที่เปรียบเสมือนโฆษกประจำตัว “ลุงตู่” ก็ไปอยู่ภูมิใจไทย “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตผู้อำนวยการพรรค ไปอยู่กับ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่พรรคกล้าธรรม
ท่อน้ำเลี้ยงจากเจ้าสัว “ทุนพลังงาน” ที่เคยสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ปิดแล้ว
แต่ “หัวหน้าพี” ตัดสินใจ กัดฟันสู้ต่อ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ เพิ่งจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และ คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ไปเมื่อวานนี้ (2พ.ย.)
โดยที่ประชุมได้มีมติเลือก “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นหัวหน้าพรรค และ “ชัชวาลล์ คงอุดม” หรือ “ชัช เตาปูน” เป็นเลขาธิการพรรคฯ
รองหัวหน้าพรรคก็มี วิทยา แก้วภราดัย - วิสุทธิ์ ธรรมเพชร - อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี - นราพัฒน์ แก้วทอง - ชื่นชอบ คงอุดม- สามารถ มะลูลีม - โกวิทย์ ธารณา- พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา
ส่วนรองเลขาธิการพรรค มี นิติศักดิ์ ธรรมเพชร -นาวาอากาศตรี ดร.ปุญณัฐส์ นำพา - ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ - ปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค และ สยาม บางกุลธรรม เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค
เห็นรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค - รองเลขาธิการพรรคแล้ว ก็คงพอจะนึกภาพออกว่า ยังมีใครบ้างที่ลงเรือลำเดียวกัน “พีระพันธุ์”
ในที่ประชุมพรรค “พีระพันธุ์” พูดถึงผลงานตนเองในช่วง 2 ปีกว่าของการเป็นรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลด้านพลังงาน ว่ามีผลงานที่เป็นรูปธรรม คือ การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และลดค่าไฟฟ้าลงอย่างต่อเนื่อง จนมาอยู่ที่หน่วยละ 3.94 บาท ในปัจจุบัน และถ้าได้ กำกับดูแลกระทรวงพลังงานต่อ ก็จะกดค่าไฟให้ลงมาเหลือ หน่วยละ 3.70 บาทให้ได้
อีกทั้งการที่ได้ “ชัชวาลล์ คงอุดม” ที่ทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอด เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งเลขาธิการรพรรค เชื่อว่า จะช่วยขับเคลื่อนพรรคให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ “ชัชวาลล์” บอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ร่วมงานกับ “พีระพันธุ์” และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ “พีระพันธุ์”เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ เสียสละ มุ่งมั่น ตั้งใจทำงานแก้ไขปัญหาให้ประเทศอย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจมาร่วมงานการเมืองด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดตามการเมือง มองว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ มี 3 พรรคการเมืองที่ในอดีต อาจจะเคยมีที่ยืน มีบทบาททางการเมืองในฐานะพรรคขนาดกลาง แต่ครั้งนี้ จะไม่มีความหมายแล้ว ซึ่ง 1 ใน 3 พรรคที่ว่านั้น มีพรรค“รวมไทยสร้างชาติ” รวมอยู่ด้วย
เพราะไม่มีเป้าหมายในเชิงนโยบาย ที่จะเรียกคะแนนให้ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ และ ไม่มีพื้นที่เป้าหมายสำหรับผู้สมัคร ส.ส.เขต สุดท้ายคงเป็นได้แค่ “พรรคไม้ประดับ” ในสนามเลือกตั้ง


