วันนี้(1 พ.ย.)เพจของ นายสุทิน บรรณบวร ผู้สื่อข่าวอาวุโส คอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุถึงการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นำประเทศไทย ไปสู่เรดาร์ในสายตาโลก โดยมีเนื้อหา ว่า ไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้ แต่สำผัสได้ว่ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้นำประเทศไทยกลับสู่เรดาร์ในสายโลกตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาล โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในยูเอน จากผลพวงของถ้อยแถลงวันนั้น ทำให้ประเทศโดดเด่นในที่ประชุมระดับโลก
นายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้พูดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเรื่องขอให้จีนซื้อข้าวในเวลาพบกับไม่ถึงสองนาที บนโต๊ะอาหารที่รัฐบาลเกาหลีใต้จัดเลี้ยงพิเศษเป็นเกียรแต่ประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำเอเปค นายอนุทินเป็นหนึ่งในแปดผู้นำรวมทั้งทรัมป์และประธานาธิบดีอี แจมย็องร่วมในโต๊ะอาหาร สมาชิกเอเปคมี 21 ชาติ สังเกตุไหมว่าทำไมนายอนุทินเป็น 1 ใน 8 ที่รับเชิญ
นอกจากนั้นนายอนุทินยังได้ทวิภาคีกับผู้นำระดับโลกอีกหลายท่านนั้นก็แสดงว่านายอนุทินได้นำประเทศสู่เรดาร์ในสายตาโลกเรียบร้อยแล้ว การอยู่ในเรดาร์สายตาโลกมันไม่เกิดผลในทันทีทันใด แต่มันเปิดทางกว้างให้เจรจาการลงทุนการค้าในอนาคต
ประเทศไทยหล่นจากเรดาร์สายตาโลกมาสองปีก่อนหน้า แม้แต่จะคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐก็ต้องจ้างหน้าม้าเป็นร้อยล้านบาท แต่ในสมัยนายอนุทิน ทรัมป์ถือว่าตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล ยังยอมเลื่อนเวลาการประชุมในอาเซียนซัมมิตให้นายอนุทินเร็วขึ้นเจ็ดชั่วโมง
“เราถือว่ารัฐบาลนายอนุทินได้นำประเทศกลับสู่เรดาร์ในสายตาโลกเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าไม่มีผู้นำคนไหนนำประเทศเข้าสู่เรดาร์ในสายตาชาวโลกเพื่อให้ประเทศเสียหาย ส่วนผู้มีอคติต่อรัฐบาลด้วยวาระอะไรก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะด่าว่า สาปแช่งรัฐบาล วิจารณ์ตรวจสอบได้ตามสบายใจของท่าน แต่ขอไว้อย่าง อย่าได้ล่วงล่ำก่ำเกินไปถึงภริยานายกรัฐมนตรี ทราบว่าเธอเคยเป็นนักข่าว ดังนั้นเมื่อเธอเจอนักข่าวก็ต้องพูดกระเซ้าเย้าแย่กันในฐานะเคยเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ เชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจคุกคามสื่อตามที่คนมีอคติกล่าวหา วิจารณ์เธออยู่ทุกวันนี้”


