ปธ.กมธ.ทหาร เผยไม่เรียก “กัน จอมพลัง” ให้ข้อมูลเพิ่ม แต่ขอเอกสารจากหน่วยงานรัฐแทน เล็งแก้กม.ยุทธภัณฑ์-จัดซื้อจัดจ้าง เพื่อแก้ปัญหาทหารแนวหน้าขาดแคลน ติดเขี้ยวเล็บแนวหน้าอย่างถูกระบบ
วันนี้ (31 ต.ค.) นายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ว่า ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากนายกัน จอมพลัง เพียงบางส่วน เกี่ยวกับการจัดซื้อยุทธภัณฑ์ที่มีการใช้คำว่า ขอความอนุเคราะห์ โดยตรงจากหน่วยงานแนวหน้า และดำเนินการซื้อกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นกรณีที่หน่วยทหารแนวหน้าร้องขอผ่านมูลนิธิกันจอมพลังให้ช่วยจัดหาอุปกรณ์
นายเอกราช กล่าวว่า กมธ.ทหารได้ขอเอกสารจากทุกหน่วยงานที่ส่งคำขอความอนุเคราะห์มายังมูลนิธิดังกล่าว เพื่อให้เห็นรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงได้ขอเอกสารจาก พล.ท.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ซึ่งในที่ประชุมยอมรับว่ายังไม่สามารถตอบคำถามหลายข้อได้ โดยจะรวบรวมข้อมูลส่งให้กรรมาธิการเพิ่มเติม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทหารแนวหน้าอาจมีความขาดแคลนในบางด้าน แม้กองทัพจะปฏิเสธตลอดว่ามีความพร้อมก็ตาม
ประธาน กมธ.ทหาร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ คณะกรรมาธิการจะไม่เรียก “กัน จอมพลัง” มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว แต่จะส่งหนังสือขอเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อความโปร่งใส และย้ำให้กองทัพไม่ปกปิดข้อเท็จจริง พร้อมร่วมมือหาทางออกที่ถูกต้อง
“วันนี้เรามาเสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพ แนวหน้าไหนร้องขอ กมธ.ก็ไล่ตรวจสอบ เช่น ตำรวจตระเวนชายแดนที่ขาดแคลนมาก” นายเอกราช กล่าว
พร้อมกันนี้ กมธ.ทหาร ยังมองว่า กรณีดังกล่าวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยยุทธภัณฑ์และการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะอุปสรรคเชิงระบบอาจทำให้แนวหน้าขาดอุปกรณ์ที่จำเป็น โดยย้ำว่าการให้หน่วยงานภายนอกหรือมูลนิธิจัดยุทธภัณฑ์แทนกองทัพ เป็นสิ่งไม่ถูกต้องและอาจกระทบต่อโครงสร้างการสั่งการภายในกองทัพเอง
“ประชาชนทั้งประเทศพร้อมสนับสนุนทหารแนวหน้า ขอเพียงเรารู้ว่าพวกเขาขาดอะไรบ้าง จะได้เสริมเขี้ยวเล็บได้ตรงจุด แต่ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ แล้วให้คนนอกไปจัดหาแทน แบบนั้นไม่ถูกต้อง” นายเอกราช กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ กมธ.ทหารจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อใช้ปรับปรุงเชิงนโยบาย เสนอแนะแนวทางปฏิรูปการจัดงบประมาณกองทัพ เพื่อให้การจัดหาและจัดสรรยุทธภัณฑ์แก่แนวหน้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบสนองต่อความต้องการจริงของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่
 
                    

