“ชยพล–รักชนก” โวย "กองทัพ–กัน จอมพลัง" ชี้แจงขัดแย้งกันเอง ปมขาดแคลนจริงหรือไม่พร้อมสอบเอกสารขอความอนุเคราะห์ที่ไม่ชัดเจน
วันนี้ (30ต.ค.) นายชยพล สะท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุมกมธ. ว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้คำตอบ ทางกมธ.มีจุดประสงค์ เนื่องจากมี2 ส่วนที่มีการสื่อสารในทิศทางไม่ตรงกัน โดยภาคประชาชนที่หวังดีระบุว่ากองทัพมีความขาดแคลนอุปกรณ์ที่สำคัญต่อชีวิตของกำลังพล ยุทธวิธี และประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ทางกองทัพบอกว่าพร้อมทุกอย่าง ไม่มีอะไรขาดแคลน และไม่เคยขอรับบริจาค ทำให้เราต้องเชิญทั้งสองฝ่ายมาชี้แจงเพื่อให้เข้าใจต่อสถานภาพของกองทัพว่าพร้อมรบจริงหรือไม่ เพราะมันจะส่งผลต่อการบริหารกองทัพด้วยว่างบประมาณที่เราให้ไปแต่ละปีถูกใช้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เพราะงบที่ขอมาเพื่อเตรียมความพร้อมในการรบ เราต้องการคำตอบอย่างตรงไปตรงมาจากกองทัพว่ามีอะไรขาดไปหรือไม่ และประชาชนที่อยู่หน้างานเห็นว่ามีปัญหาด้านไหน จะทำให้เราเห็นว่ามีจุดไหนที่ต้องขันน็อต แต่วันนี้ยังมีคำถามที่ค้างคาใจหลายเรื่องที่คำตอบทั้งสองฝั่งยังไม่ตรงกันอยู่ดี
ด้าน น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการให้นายกันเอาออกมาโชว์คือหนังสือทุกฉบับที่กองทัพ หรือหน่วยงานร้องขอความอนุเคราะห์ ซึ่งนายกันโชว์ให้ดู2 ฉบับที่ถ่ายจากมือถือ จึงไม่ทราบว่าเป็นหนังสือจริงหรือไม่ โดยเราได้ขอไปว่าอยากจะตรวจสอบว่าสุดท้ายแล้วกองทัพได้ร้องขออะไรไปบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สะดวกที่จะส่งให้ ต้องมีการสอบถามไปยังผู้ที่ร้องขอก่อนว่าต้องการให้ส่งให้หรือไม่ ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือเหล่านั้นเป็นของจริงหรือเปล่า รวมถึงมีการปกปิดความจริงอะไรหรือไม่
น.ส.รักชนกกล่าวว่า เมื่อเราถามย้ำเรื่องการขอความอนุเคราหะ์ และการรับบริจาค นายกันก็เชิญชวนให้ไปลงพื้นที่หน้างาน ซึ่งตนทราบว่าทางกมธ.ได้ลงไปทุกพื้นที่แล้ว ที่มีข้อพิพาืสู้รบกันอยู่ จึงไม่อยากให้เบี่ยงเบนประเด็น และเมื่อถามทางกองทัพก็ได้คำตอบไม่ตรงกัน โดยนายกันชี้แจงว่าที่เปิดรับบริจาคเพราะกองทัพขาดแคลนแต่ทางกองทัพย้ำว่าไม่ได้ขาดแคลนอะไร สิ่งของที่รับบริจาคมาเหมือนกะบว่าปฏิเสธไม่ได้ แต่พอถามถึงใบอนุเคราะห์ทางโฆษกกองทัพบอกไม่ได้ว่าหน่วยต่างๆขอไปทางมูลนิธิหรือไม่ สิ่งที่เราต้องตามคือส่วนต่างที่หายไปคืออะไร ถ้าหน่วยงานต่างๆตั้งงบมาซื้อเสื้อเกราะ หรือทำถนน งบมีการตั้งมาแล้ว แต่มีการของบสนับสนุนจากมูลนิธิ แล้วงบที่ขอไปไหน หรือโยกย้ายไปไหน มูลนิธิต่างๆที่เปิดรับโดยอ้างว่ากองทัพขาดแคลน ก็ต้องนำบางอย่างออกมาโชว์ว่าบริจาคอะไรให้กองทัพไปบ้าง ไม่เช่นนั้นผู้ที่บริจาคก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยว่าแอบอ้างกองทัพเพื่อรับประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่
“แค่ดิฉันถามว่ามีการขอความอนุเคราะห์ไปกี่ครั้ง นายกันก็ไม่ตอบ บอกว่าคนที่จ้างงานกำลังรออยู่ ส่วนกองกำลังบูรพาก็บอกไม่เคยไปขอ ขณะที่กองทัพภาคที่1 ก็ไม่ตอบ ส่วนทางโฆษกกองทัพบอกจะรวบรวมข้อมูลให้เพราะวันนี้ไม่ได้เตรียมมา กองทัพไม่ได้ขอ แต่หน่วยงานยิบย่อยอาจจะขอ ซึ่งทุกคนฟังแล้วโดยสามัญสำนึกก็เห็นว่ามันไม่ชัดเจน ”
น.ส.รักนกกล่าวว่าสิ่งที่ตนสงสัยสุดท้ายแล้วกองทัพสามารถปกป้องชายแดน และมีความพร้อมที่จะปกป้องชีวิตทหารชั้นผู้น้อยที่เสียสละหรือไม่ เมื่อเกิดเช่นนี้แล้ว ตนจึงเข้าใจว่าทำไมทหารชั้นผู้น้อยจึงมองว่านายกันเป็นฮี่โร่ เพราะระดับสูงในกองทัพไม่เคยพูดความจริงว่าทหารหน้างานต้องการอะไรเลย เป็นสิ่งที่เราต้องพูดคุยกันว่าการปฏิรูปกองทัพจะเดินหน้าอย่างไร และทำให้มีศักยภาพเต็มกำลังจริงๆ


