xs
xsm
sm
md
lg

“กรไชย” ปูดบางคนถือซิมพันเบอร์ จี้ออกกม. “1 คน 1 เบอร์–1 อีแบงก์กิ้ง” แก้สแกมเมอร์ ซัดแบงก์–กสทช.โยนบาปตร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองผบ.ตร. เปิดข้อมูลกลางวง กมธ.ตำรวจ เผยบางคนถือซิมมือกว่าพันเบอร์ จี้รัฐออกกม. “1 คน 1 เบอร์–1 อีแบงก์กิ้ง” แก้สแกมเมอร์ให้เด็ดขาด ซัด “แบงก์–กสทช. ไม่รับผิดชอบ ปล่อยโทรหลอกวันละ 96 ล.ครั้ง ตัวเองลอยนวล ปล่อยให้ตร.กลายเป็น “กระโถนท้องพระโรง”

วันนี้ (30 ต.ค. 2568) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ ภายหลังการบังคับใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 โดยมีผู้แทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าร่วมชี้แจง

ช่วงหนึ่งของการประชุม พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) กล่าวถึงปัญหา “สแกมเมอร์” ว่า สาเหตุหลักอยู่ที่ 3 หน่วยงานสำคัญคือ ธนาคาร, กสทช. และตำรวจ แต่ประชาชนมักเข้าใจผิดว่าตำรวจต้องรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งที่เงินอยู่ในระบบธนาคารและโทรศัพท์มือถือของเหยื่อเอง

พล.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า เคยเสนอให้กำหนดกฎหมาย 1 คน 1 หมายเลข และ 1 บัญชีอีแบงก์กิ้ง เพื่อควบคุมการโอนเงินที่รวดเร็วเกินไป แต่ข้อเสนอนี้ยังไม่ถูกนำไปปฏิบัติ แม้ ธปท. บอกว่า 1 เบอร์มีแค่ 1 ธนาคาร แต่ของผมเองมีเบอร์เดียวกลับมีถึง 3 ธนาคาร ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลธรรมดาถือครองหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เกิน 1,000 หมายเลขต่อคน โดยซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ

ทั้งนี้พบว่า เด็กอายุเพียง 12 ปีก็สามารถเปิดบัญชีอีแบงก์กิ้งได้ และ กสทช. ไม่เคยกำหนดข้อจำกัด จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ซิมและบัญชีม้าโอนเงินหลอกเหยื่อ โดยเฉพาะการใช้เครื่อง SIM BOXที่ตนเคยจับได้กว่า 200 เครื่องในปี 2565 เครื่องหนึ่งมี 32 ซิม โทรได้วันละ 16,000 ครั้ง เดือนละกว่า 4.8 แสนสายโทร รวมทั้งหมดโทรได้กว่า 96 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของแก๊งสแกมเมอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา

“คนที่ถือเบอร์ในไทยมีราว 40 ล้านคน แต่มีคนถูกหลอกกว่า 10 ล้านคน แค่โอนคนละพันบาทก็ทำเงินมหาศาลแล้วปัจจุบันสายโทรหลอกลวงจำนวนมากถูกยิงสัญญาณจากประเทศเพื่อนบ้านไปกลับหลายประเทศก่อนกลับเข้ามาไทย ทำให้ติดตามหา IP ได้ยาก”

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า เคยเสนอให้ กสทช. จำกัด 1 คนมีได้ไม่เกิน 5 เบอร์ แต่ผ่านมา 10 ปีก็ยังไม่ดำเนินการ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายบังคับใช้จริง ไม่ใช่แค่ ขอความร่วมมือเช่นกรณีประเทศสิงคโปร์ที่มีบทลงโทษชัด ทำให้ไม่มีปัญหาสแกมเมอร์เหมือนไทย

ในส่วนของธนาคาร ถือเป็น ต้นทางของเงิน แต่กลับใช้เวลาตรวจสอบนาน 1–2 เดือน จึงรู้ปลายทางการโอนเงิน ทำให้ยากต่อการติดตาม เช่นกรณีเหยื่อถูกหลอกโอน 7 ล้านบาทในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที หากธนาคารรับแจ้งความได้ทันทีและ บล็อกบัญชี ได้เลย เงินก็ยังคงอยู่ในระบบ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการออกกฎหมายบังคับ จึงไม่มีความรับผิดชอบ

พล.ต.อ.กรไชย ยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า ธุรกรรมเล็ก ๆ เช่น ซื้อของในเกมออนไลน์ครั้งละ 31 บาท เมื่อรวมตลอดคืนอาจถึง 20,000 บาท ทำให้ยอดความเสียหายทั้งระบบสูงถึง กว่า 300 ล้านบาท โดยที่ธนาคารไม่แจ้งความ เพราะมีระบบประกันคุ้มครอง บางคนไม่รู้ตัวเลยว่าถูกดูดเงินออกไปทั้งคืน

ดังนั้น ต้องออกกฎหมายบังคับให้ กสทช. และธนาคารร่วมมือกับตำรวจอย่างจริงจัง หากยังปล่อยให้ทุกอย่างพึ่งเพียง คำขอความร่วมมือ สังคมไทยจะไม่มีวันหลุดพ้นจากปัญหาสแกมเมอร์

“ลองถามแต่ละบริษัทที่ให้บริการมือถือจะรู้ว่าที่ขายดีที่สุดคือซิมอินเตอร์เน็ต แต่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเพราะมันคือผลกำไร เขาไม่ได้มองความเดือดร้อนของประชาชนแต่มองที่กำไรเท่านั้น โดยไม่มีกฎหมายไปบังคับ เลยปล่อยให้เขาเล่นเอาเถิดกับรัฐบาลและประชาชน แล้วตัวเองออกมาเป็นฮีโร่ ขณะที่ตำรวจกลายเป็นเหยื่อแทน ส่วนคนที่ที่ไปทำงานเป็นสแกมเมอร์แล้วบอกว่าโดนบังคับ ผมบอกได้เลยเดินมา 100 คน มี 99.8% เต็มใจทั้งนั้น ไม่มีใครบังคับหรอก“พล.ต.อ.กรไชยกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น