“นเรศ” แจงสภา มาตรการรับมือราคาข้าวเปลือกปี 68/69 ร่วมกระทรวงพาณิชย์ พยุงราคาข้าวคงเสถียรภาพ พร้อมชดเชยดอกเบี้ย สนับสนุนเครื่องอบ ลดความชื้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้สหกรณ์ 428 แห่งทั่วประเทศ
วันนี้ (30 ต.ค.) นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตอบกระทู้ถามสดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ต่อข้อซักถามของ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย เรื่องการเตรียมความพร้อมมาตรการรับมือราคาข้าวเปลือกนาปี 2568/2569 ของรัฐบาล และแนวทางแก้ไขปัญหาการจำนำยุ้งฉางข้าวหอมมะลิของสถาบันเกษตรกร
นายนเรศ กล่าวว่า ปัญหาการจำนำยุ้งฉางข้าวหอมมะลิในปัจจุบันเกิดจากความต้องการใช้ยุ้งฉางของเกษตรกรมากกว่าศักยภาพของสถาบันเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกัน เกษตรกรได้เปลี่ยนรูปแบบการเก็บเกี่ยวข้าวจากการตากในนาเป็นใช้รถเกี่ยวข้าว ทำให้ความชื้นสูงเฉลี่ย 25-30% จำเป็นต้องใช้เครื่องอบลดความชื้นก่อนนำเก็บรักษาในยุ้งฉาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้น ยุ้งฉาง โกดัง ลานตาก และเครื่องจักรกลทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีนโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรทุกพื้นที่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวถึงโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 ปัจจุบันมีข้าวค้างสต็อกประมาณ 65,000 ตัน จาก 10 สหกรณ์ใน 6 จังหวัด อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเปิดประมูลระบายข้าวโดยจะไม่ให้ราคาต่ำกว่าราคากลางที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ
นายนเรศ ยังรายงานความคืบหน้าโครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2568/69 โดยกรมการค้าภายในเป็นหน่วยงานหลัก ดำเนินการแล้วเสร็จและอนุมัติให้ผู้ประกอบการ 239 ราย จาก 44 จังหวัด เข้าร่วมโครงการ วงเงินสินเชื่อรวม 54,431.80 ล้านบาท โดยมี 11 ธนาคารพาณิชย์เข้าร่วม และธนาคารกรุงไทยให้วงเงินสูงสุด 31,198.20 ล้านบาท
สำหรับปีการผลิต 2568/69 มีสหกรณ์เข้าร่วมมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวรวม 428 แห่ง ใน 57 จังหวัด ปริมาณข้าวเปลือกกว่า 4 ล้านตัน มูลค่ารวบรวมกว่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก 133 แห่ง และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม 295 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ
“เรามั่นใจว่า มาตรการทั้งหมดที่ดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยพยุงราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ สร้างความมั่นใจให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม และรักษาเสถียรภาพตลาดข้าวของประเทศอย่างยั่งยืน” นายนเรศ กล่าวย้ำ
นายนเรศ ยังชี้แจงว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประชุมทุกวันพุธเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาข้าวและปัญหาของสถาบันการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการติดขัดเรื่องสินเชื่อหรือเงื่อนไขต่างๆ และได้เข้าไปช่วยเจรจากับ ธ.ก.ส. เพื่อให้เกษตรกรสามารถหมุนเวียนสภาพคล่องและชะลอการขายได้
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังได้เตรียมมาตรการเพิ่มเติม เช่น การใช้ปลายข้าวเป็นวัตถุดิบอาหาร และให้หน่วยงานต่างๆ เข้าซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรโดยเฉพาะข้าวขาวราคาต่ำ เพื่อเป็นมาตรการช่วยรักษาราคาในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด พร้อมสนับสนุนการส่งออกข้าวแบบเจาะตลาด เช่น เม็กซิโก จีน และบังคลาเทศ และส่งเสริมข้าวคาร์บอนต่ำคุณภาพตามมาตรฐาน GAP
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ระบุว่า รัฐบาลเข้าใจการปรับตัวของชาวนา จึงสนับสนุนปัจจัยการผลิตราคาต่ำและเครื่องอบลดความชื้นสำหรับสถาบันเกษตรกรที่ขาดแคลน พร้อมรับข้อสังเกตของ สส.ชัชวาล แพทยาไทย นำไปหารือในที่ประชุมต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและช่วยเกษตรกรในฤดูกาลปี 2568/69


