สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) กรมสุขภาพจิต และสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) จัดเวิร์กช็อป “ดูแลใจ...ใครว่าไม่สำคัญ : สร้าง Mind First Aid Literacy เพื่อดูแลสุขภาพใจวัยทำงานในองค์กรอย่างยั่งยืน” ณ Club Slam Glowfish อาคาร Siam Patumwan House กรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนเสริมสร้างทักษะ “การปฐมพยาบาลทางใจ (Mind First Aid)” และสร้างวัฒนธรรมดูแลใจสู่องค์กรไทยทุกภาคส่วน
.
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า “การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy)” เป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะบุคลากรในองค์กรที่มีความเครียดสูง และวัยทำงานที่ต้องเผชิญปัญหารอบด้าน โครงการ “Mind First Aid” มุ่งสร้าง “นักปฐมพยาบาลทางใจเบื้องต้น” เพื่อเป็นผู้ฟังที่เข้าใจและช่วยเหลือผู้อื่นได้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้พิการกว่า 100 คนที่ได้รับการฝึกอบรมและเริ่มได้รับการจ้างงานในองค์กรต่าง ๆ แล้ว สสส.จึงเห็นว่าการลงทุนด้านนี้ให้ผลลัพธ์สูงและลดภาระระบบสาธารณสุขได้ในระยะยาว
.
ผศ.ดร.ธีรพัฒน์ อังศุชวาล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง TIMS กล่าวว่า จากผลสำรวจพบว่า กว่า 50% ของคนทำงานยังเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพจิต และอีก 36% ต้องการช่องทางให้คำปรึกษาที่เข้าถึงง่าย สะท้อนว่าการดูแลใจยังไม่ใช่สิทธิพื้นฐานของทุกคน โครงการ Mind First Aid คือ จุดเริ่มต้นของการยกระดับ “สุขภาพใจ” ให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง
.
ภายในงานมีการบรรยายโดย ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในหัวข้อ “Mental Health Trend in Organization” ที่ชี้ให้เห็นว่า สุขภาพจิตไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงลำพั’ จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายร่วมกับภาคเอกชนและองค์กรต่าง ๆ เพื่อเสริมสมรรถนะด้านจิตใจ โดยเฉพาะบุคลากร HR ให้เป็นกำลังสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตของคนทำงาน
.
ด้าน ดร.เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช รองคณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง “เครื่องมือในการดูแลจิตใจในองค์กร” และแนวคิด Self-Awareness: รู้จักใจ เข้าใจตัวเอง พร้อมนำเสนอ “GRACE Model” ประกอบด้วย Growth, Recognition, Acceptance, Care และ Environment เพื่อยกระดับสุขภาพจิตในองค์กรอย่างยั่งยืน โดยมองการดูแลใจใน 3 ระดับ ได้แก่ การส่งเสริม (Promotive) การป้องกัน (Preventive) และการรักษา (Curative)
ด้าน คุณสุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) กล่าวปิดท้ายว่า สมาคมในฐานะองค์กรวิชาชีพด้านทรัพยากรบุคคล มีพันธกิจในการยกระดับวิชาชีพ HR และพัฒนาศักยภาพคน เพราะ“ทรัพยากรมนุษย์คือพลังที่เปลี่ยนโลกได้” พร้อมย้ำว่า “ผลิตภาพขององค์กรจะเกิดขึ้นได้ เมื่อคุณภาพชีวิตของบุคลากรดีขึ้น และหัวใจของคุณภาพชีวิตที่ดี คือ การมีสุขภาพจิตที่ดี” การดูแลใจจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือพื้นฐานสำคัญขององค์กรที่แข็งแรงจากภายใน


