xs
xsm
sm
md
lg

ชาวไร่ยาสูบภาคเหนือเร่งเสริมความรู้ สู้ความท้าทายภายใต้นโยบายควบคุมยาสูบโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวยาสูบภาคเหนือ ร่วมอบรมเสริมความรู้ เตรียมรับมือกรอบควบคุมยาสูบโลก WHO FCTCพร้อมยกระดับมาตรฐานการผลิตใบยาไทยเกษตรกร ชี้ภาษี–นโยบายรัฐซับซ้อน ทำอุตสาหกรรมยาสูบไทยทรุด ด้านนักวิชาการเร่งเชื่อมองค์ความรู้วิทยาศาสตร์สู่ชุมชน

เมื่อวันที่26 ต.ค. 68 ที่โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “เตรียมความพร้อมสู่การประกอบการภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC)” โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและใกล้เคียงกว่า 100 คนเข้าร่วม

การสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรเข้าใจผลกระทบของกรอบอนุสัญญา WHO FCTC ต่อการเพาะปลูกและตลาดยาสูบ รวมถึงแนวทางเตรียมความพร้อมรับมือกับนโยบายภาครัฐในอนาคต พร้อมส่งเสริมการผลิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกให้ได้มาตรฐานสากล

นายอัจฉริยะ วัฒนาพร ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ยาสูบจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การปลูกยาสูบเป็นอาชีพที่สืบทอดมาหลายรุ่น สร้างรายได้ให้ครอบครัวนับหมื่นและสร้างภาษีมหาศาลให้รัฐ แต่ช่วง 5–6 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยาสูบไทยได้รับผลกระทบจากภาษีที่ซับซ้อนและสูงเกินไป ทำให้บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าเติบโต ส่งผลให้ยอดขายการยาสูบฯ ลดลงและราคารับซื้อใบยาตกต่ำ


นายอัจฉริยะยังระบุว่า การกำหนดนโยบายควบคุมยาสูบตามกรอบ WHO FCTC มักมุ่งไปที่ตลาดปลายน้ำ โดยละเลยเกษตรกรต้นน้ำที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง พร้อมชี้ว่า มาตรา 17 และ 18 ของอนุสัญญาฯ กำหนดให้ประเทศภาคีส่งเสริมพืชทดแทนและคุ้มครองสุขภาพเกษตรกร แต่ไทยยังขาดมาตรการรองรับและการส่งเสริมพืชทางเลือกที่เป็นจริง

“เรารู้ว่าต้องปรับตัว และวันนี้เรากำลังเรียนรู้เพื่ออยู่รอดในระบบใหม่ การทำไร่ยาสูบคืออาชีพสุจริตที่เลี้ยงครอบครัวเรามาหลายชั่วคน งานสัมมนานี้คือหนึ่งในก้าวของการพัฒนา” นายอัจฉริยะกล่าว


ด้านดร.ทัตพร คุณประดิษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เน้น “การจัดการดิน น้ำ และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” รวมถึงการอบรมลดความเสื่อมโทรมของดิน และการจัดการพื้นที่การเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 18 ของอนุสัญญาฯ

ดร.ทัตพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรยาสูบมีภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำค่า แต่ต้องปรับตัวให้ทันต่อโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การสัมมนานี้จึงเป็น “สะพานเชื่อมความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัยกับเกษตรกร” เพื่อพัฒนาแนวทางเกษตรกรรมยั่งยืนและสืบสานอาชีพชาวไร่ยาสูบไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น