”ดร.สุชัชวีร์ “แนะ อย่าปล่อยให้แร่แรร์เอิร์ธไทย กลายเป็นแค่ดินในสายตาคนอื่น เผยพรรคไทยก้าวใหม่ เสนอประเทศไทยต้องมีนโยบาย วิจัยเพื่อความมั่นคงให้มหาวิทยาลัยเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคแรร์เอิร์ธ
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็น“แร่แรร์เอิร์ธ” ที่กำลังเป็นกระแส ภายหลังนสยกรัฐมนตนีระบุว่ามรการลงนามในเอ็มโอยูระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา กรณีแร่แรร์เอิร์ธ
นายสุชัชวีร์ ระบุว่า แร่แรร์เอิร์ธอาจเป็นคำที่หลายคนไม่คุ้น แต่วันนี้ มันคือหัวใจของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่เพราะแร่ที่อยู่ในดินไทยบางส่วน กลับถูกพูดถึงในระดับเดียวกับ น้ำมัน ของตะวันออกกลาง เพราะมันคือวัตถุดิบในการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไมโครชิป และ AI Processor ที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีทั้งโลก แต่คำถามคือถ้าแร่ในดินเป็นของเรา แล้วทำไมมูลค่ามหาศาลถึงอยู่ที่คนอื่นจากแร่ในดินสู่สมองในชาติ
นายสุชัชวีร์ ยังตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาประเทศที่ไม่มีแร่ ยังรวยจากเทคโนโลยีได้แล้วประเทศที่มีแร่ จะยอมจนเพราะขาดงานวิจัยได้ยังไงคำถามนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่มันคือ คำเตือนเรื่องอนาคตของชาติเพราะแม้ไทยจะเพิ่งลงนาม MOU กับสหรัฐฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่แรร์เอิร์ธ”แต่หากมหาวิทยาลัยไทยยังไม่สามารถ แปรรูปความรู้ ให้เป็น นวัตกรรมต้นน้ำเราก็จะเป็นได้เพียง ประเทศผู้ขายวัตถุดิบราคาถูก เหมือนเดิม ส่วนมหาวิทยาลัยไทยด่านสุดท้ายที่ถูกตีแตก ซึ่งรายงานล่าสุดของ Times Higher Education ปี 2026 สะท้อนสัญญาณน่าห่วงมหาวิทยาลัยไทย “ไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของอาเซียน
ขณะที่ มาเลเซีย ติดถึง 7 แห่ง และ เวียดนาม แซงขึ้นมาอีก 3 นี่คือ “ด่านสุดท้ายของการศึกษาไทย” ที่ควรจะเป็นเครื่องผลิตทุนมนุษย์ระดับสูง แต่กลับเริ่มหลุดวงโคจรการแข่งขันในภูมิภาค
“เราต้องสร้างมหาวิทยาลัยนักรบวิจัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเอกสารราชการ”เพราะ การศึกษา–การวิจัยคือ ความมั่นคงของชาติไม่ใช่ภาระงบประมาณ คนไทยเก่งแต่รัฐยังไม่ให้โอกาส“นายสุชัชวีร์
นายสุชัชวีร์ ยังยกตัวอย่างว่า ชัดเจนคือ ศาสตราจารย์ ดร.เยตมิง ชาง จาก MITนักวิจัยระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งมีศิษย์เอกคนไทยถึงสองคน ทั้ง ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล (ศูนย์เทคโนโลยีพลังงาน สวทช.) และ รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง (คณะวิทยาศาสตร์ ม.ขอนแก่น)ทั้งคู่คือนักวิจัยแนวหน้าที่พิสูจน์ว่า “คนไทยเก่งไม่แพ้ใครในโลก” แต่ขาด “ระบบสนับสนุน” ที่จะผลักดันให้คนเก่งเหล่านี้ “ต่อยอดงานวิจัยสู่ตลาด” ได้จริง โดยโลกกำลังเร่งแต่ไทยยังรอคำสั่งในขณะที่สหรัฐฯ ฟื้นเหมืองเก่าเพื่อขุดแร่หายากในขณะที่ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ตั้งสถาบันวิจัยวัสดุขั้นสูงประเทศไทยกลับยังไม่ตั้ง เป้าหมายใหญ่ที่ชัดเจนเลย ซึ่งหากเรามีแร่ แต่ไม่มีแผนเรามีคน แต่ไม่มีระบบให้คนได้สร้าง
นายสุชัชวีร์ ยังระบุอีกว่า พรรคไทยก้าวใหม่” เสนอชัดประเทศไทยต้องมีนโยบาย วิจัยเพื่อความมั่นคงให้มหาวิทยาลัยเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคแรร์เอิร์ธโดยเสนอให้รัฐบาลกำหนด “ยุทธศาสตร์วิจัยแห่งชาติ สร้างระบบทุนระยะยาวต่อเนื่อง และตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยนักรบวิจัยเพื่อสร้างความได้เปรียบทางเทคโนโลยี ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และรักษาศักดิ์ศรีของชาติไทย
“ดินของเรา จะกลายเป็นทองได้หรือไม่คำตอบไม่ได้อยู่ที่เหมืองแต่อยู่ที่ มหาวิทยาลัย–นักวิจัย–รัฐบาลว่าจะมองเห็นคุณค่าของมันแค่ไหน โดยอย่าขายดิน แล้วกลับมาซื้อชิปจากคนอื่นถึงเวลาสร้างอนาคตชาติ ด้วยสมองไทยของเราเอง“ นายสุชัชวีร์ กล่าวย้ำ


