”อนุทิน“ เผย “ทรัมป์” ตอบรับคำเชิญเยือนไทย หลัง คุยขอสนับสนุนเรื่องการค้าและภาษี เชื่อกัมพูชาไม่กล้าบิดพลิ้วปฏิญญา หลังประธานอาเซียน-ประธานาธิบดี ลงนามเป็นพยาน
วันนี้ (26ต.ค.) เมื่อเวลา 15.15 น. ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มาเลเซียว่า ได้มีการหารือกันนิดหน่อย เป็นการขอการสนับสนุนเรื่องการค้า และภาษี รวมทั้งได้เชิญนายโดนัลด์ ทรัมป์ มาเยือนประเทศไทย เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้มาเยือนประเทศไทยประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งท่านตอบรับในหลักการ
เมื่อถามถึงการลงนามถ้อยแถลงระหว่างไทยและกัมพูชา จะเริ่มเคลียร์พื้นที่ชายแดนและจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทางกองทัพมีการประสานงานกันอยู่ ได้รับทราบว่าจะดำเนินการทันที ให้ไปถามรองเสนาธิการที่เป็นหัวหน้าทีมเจรจา ซึ่งท่านทำงานเข้มแข็ง และมีทีมเวิร์คที่ดีกับฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศด้วย จึงเป็นที่มาของการได้ลงนามของปฏิญญาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับนาย
ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแบบสองต่อสองในลักษณะเปิดใจอย่างไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันแบบสองต่อสอง แต่หลังจากลงนามในปฎิญญาแล้วคิดว่าคงมีการพูดคุยกันมากขึ้น เพราะแต่ละประเทศต้องพยายามให้การปฏิบัติต่างๆเป็นไปตามเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่การยกระดับให้เกิดสันติภาพเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า ขณะนี้ถือว่าเราเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ซึ่งในปฏิญญาและจากการพูดคุยของทีมเจรจายังมีขั้นตอนที่ฝ่ายกัมพูชาจะต้องเริ่มปฏิบัติหนึ่ง สอง สาม สี่ ซึ่งควบคู่กับไทย เมื่อถามว่า ขณะนี้ถือว่าความขัดแย้งชายแดนที่ผ่านมาจบลงแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน
เมื่อถามอีกว่าการลงนามครั้งนี้มั่นใจแค่ไหนว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากกัมพูชา นายอนุทิน กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้มีสักขีพยาน มีผู้ประสานงาน และเป็นการลงนามในฐานะที่มีการประชุมสูงสุดของอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ลงลายมือชื่อในฐานะสักขีพยานด้วย เปรียบเสมือนว่าการบรรลุเงื่อนไขในปฏิญญาครั้งนี้ดำเนินการภายใต้การรับรู้รับทราบของประชาคมอาเซียนรวมถึงนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับรู้ข้อตกลงครั้งนี้น่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดี ถ้าเป็นเราก็คงไม่กล้าจะทำอะไรที่นอกเหนือหรือไม่ปฏิบัติตาม


